5202 จำนวนผู้เข้าชม |
การเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี (CHAO) ไม่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะคนที่ได้หุ้นจอง เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองได้ตลอดวัน โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 14.70 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 11.80 บาท ถึง 2.90 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 24.58% หลังจากนั้น มีแรงซื้อหนุนราคาหุ้นไต่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ 15.30 บาท ก่อนจะเจอแรงขายกำไรกระจายตัวออกมา กดราคาหุ้นให้ปรับลดลงเป็นลำดับ แต่ก็ไม่หลุด 13.60 บาท ก่อนจะดีดตัวขึ้นมาแกว่งที่ 14.60 บาทช่วงท้ายตลาด อย่างไรก็ตาม ช่วง ATC ราคาถูกกดลงมาปิดที่ 14.20 บาท เหนือจอง 2.40 บาท ให้ผลตอบแทน 20.34% ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 2,020 ล้านบาท และตลอดสัปดาห์แรกในการซื้อขาย ราคาหุ้นยังคงยืนได้เหนือ 14 บาท แม้ปริมาณการซื้อขายจะบางเบาลงไป เหลือไม่ถึง 506 ล้านบาทก็ตาม
ที่เป็นเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุน ไปใช้ลงทุนพัฒนาระบบอัตโนมัติ ปรับปรุงระบบควบคุมคุณภาพ ระบบความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมถึงการลงทุนเพื่อการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ (Productivity) การผลิต จะทำให้สามารถขยายกำลังการผลิตข้าวตัง รวมแครกเกอร์ธัญพืชเพิ่มปีละ 770 ตัน พร้อมกับเพิ่มกำลังการผลิตข้าวตังดิบปีละ 600 ตัน และขนมขบเคี้ยวจากเนื้อสัตว์ทะเล ในโรงงานโฮลซัม ปีละ 600 ตัน รวมถึงสามารถขยายกำลังการผลิตข้าวตังรวมหมูแท่ง ในโรงงานเจ้าสัว อีกปีละ 995 ตัน ตลอดจนก่อสร้างโรงงานโฮลซัมแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เนื้อหมู (Non-Pork) อีกปีละ 2,000 ตัน กำหนดเปิดดำเนินการปีหน้า เพื่อรองรับการขยายตลาดส่งออก มุ่งสู่การเป็น Global Brand อย่างที่หวัง ทำให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากค่ายหยวนต้า (YUANTA) เมย์แบงก์ (MST) ทิสโก้ (TSC) และกสิกรไทย (KS) มั่นใจว่า จะช่วยผลักดันให้ FM มีการเติบโตของรายได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ตลอด 3 ปีนี้ จาก 1.6 - 1.7 พันล้านบาท เพิ่มเป็น 1.9 - 2.0 พันล้านบาท และ 2.1 – 2.2 พันล้านบาท ตามลำดับส่งผลให้ประเมินมูลค่าเหมาะสมไม่ต่ำกว่า 16 บาท
ขณะเดียวกัน นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHAO เปิดเผยแผนธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า พร้อมเดินหน้าทำการตลาดผลิตภัณฑ์เดิม พร้อมกับขยายช่องจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมเพิ่มขึ้น เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง รับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมกับรักษาความเป็นผู้นำในขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ (Modern Thai Snack) ควบคู่ไปกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถรับประทานได้ทุกวัน ให้ได้ปีละ 15 - 20 SKU รุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทั้งตลาดที่มีฐานอยู่แล้ว อย่าง สหรัฐฯ จีน ออสเตรเลีย ควบคู่ไปกับการขยายตลาดใหม่ๆ ในตะวันออกกลาง ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากเนื้อหมู และได้รับมาตรฐานฮาลาล (Halal) ประมาณ 20 SKU ซึ่งเชื่อมั่นว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และผลักดันให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศปรับเพิ่มจากสิ้นปีก่อนที่ 28% ขึ้นมาเป็น 38% เหมือนช่วง 3 ปีก่อนหน้านี้ พร้อมกับหนุนให้รายได้ปีนี้เติบโตจากปีก่อนราว 15%
อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการที่มีรายชื่อของนักลงทุนรายใหญ่ อย่างนายสถาพร งามเรืองพงษ์ หรือเซียนฮง นายสมพงศ์ ชลคดีดำรงกุล หรือ เสี่ยปู่ นายนเรศ งามอภิชน และนายคีรี กาญจนพาส์น รวมถึง บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ รวมกันกว่า 13 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 14.8% ของจำนวนหุ้น IPO ตอกย้ำให้เห็นมุมมองของที่ปรึกษาการเงิน และแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นค่ายสีเขียว ที่ชี้ว่า CHAO จัดเป็น Growth Stock กำลังอยู่ในช่วงเติบโต จากการอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง และโอกาสประสบความสำเร็จจากการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขยายตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพเติบโตที่เปิดกว้าง