TMAN ยืนเหนือจองได้ตลอด แม้ภาวะตลาดจะไม่เป็นใจ   

การเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ. ที. แมน ฟาร์มาซูติคอล (TMAN) ไม่สร้างควมผิดหวังให้กับนักลงทุนที่ได้หุ้นจอง และขายทำกำไรออกไปเร็ว เพราะหลังจากเปิดตลาดที่ 18.70 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 16.30 บาท ถึง 2.40 บาท คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 14.72% และแกว่งตัวแคบๆ ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น เริ่มมีแรงซื้อดันราคาพุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 19.30 บาท หลังจากนั้น เริ่มเห็นแรงขายทำกำไรกระจายตัวออกมา กดให้ราคาค่อยๆ ปรับฐานลงมาตามลำดับ แต่ก็ไม่หลุด 18.50 บาท และปิดภาคเช้าที่ 18.80 บาท เหนือจอง 15.33% ก่อนจะเริ่มย่อตัวลงมาในการซื้อขายภาคบ่าย ตามภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับตลาดจะปิดทำการในวันปิยมหาราช ส่งผลให้แรงซื้อเริ่มหดหายลงไป สวนทางแรงขายที่กระจายตัวออกมาเป็นระยะๆ กดราคาให้ทรุดตัวลงมาเป็นลำดับ และปิดตลาดที่จุดต่ำสุดของวันที่ 16.40 บาท เหนือจอง 10 สตางค์ ให้ผลตอบแทน 24.44% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 4,293 ล้านบาท ก่อนจะแกว่งตัวในกรอบ 16.40-17.60 บาท ตลอดทั้งเดือนตุลาคม ตามมูลค่าการซื้อขายที่ลดลงเป็นลำดับ  

โอกาสนี้ เภสัชกร ประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TMAN ยืนยันว่า พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตตามแผนงานที่ได้แจ้งไว้ช่วงเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ด้วยการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างเต็มตัว โดยการขยายตลาดในประเทศ ในส่วนผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ยา พร้อมรุกขยายฐานลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาล ที่เป็นห่วงโซ่ขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมยา รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นคลินิกเวชกรรมและเสริมความงามมากขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จในการวางจำหน่ายผ่านช่องทางร้านขายยา และโมเดิร์นเทรดต่างๆ แล้ว ส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมกับเดินหน้าแผนการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับมากขึ้น ขณะเดียวกัน จะเพิ่มสัดส่วนธุรกิจรับจ้างผลิต ทั้งในรูปแบบการผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (OEM) และการเข้าไปมีส่วนร่วมผลิตกับลูกค้า (ODM) รวมถึงเพิ่มสัดส่วนธุรกิจรับจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ลูกค้า ตามไปด้วย

สำหรับตลาดต่างประเทศ จะเน้นจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัทฯ ผ่านผู้จัดจำหน่ายและกลุ่มลูกค้าองค์กร ใน 22 ประเทศทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และขยายการเติบโตไปยังประเทศที่มีศักยภาพ รวมถึงเตรียมพร้อมด้านบุคลากรเพื่อสนับสนุนแผนการขยายการดำเนินงานไปในต่างประเทศ เพื่อเข้าถึงตลาดต่างประเทศให้ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในระดับภูมิภาค (Regional Player) ผลักดันให้รายได้ทั้งปีเติบโตสูงกว่าอัตราเติบโตเฉลี่ยของอุตสาหกรรมในอัตรา 5-7%