399 จำนวนผู้เข้าชม |
บลจ.กรุงศรี (KF) พร้อมเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรี ฟินโนเวนเจอร์ (Finnoventure PE Y2033 หรือ KFFVPE-UI) เน้นลงทุนในธุรกิจ Start-up ที่มีศักยภาพเติบโตเป็น Unicorn ในอนาคต ทั้งในประเทศและในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งปัจจุบันยังมีการลงทุนในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสสร้างการเติบโตของเงินลงทุนในตลาดที่เข้าถึงได้จำกัด แต่มีศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคต เสนอขายครั้งเดียวระหว่างวันที่ 16 – 22 ธันวาคมนี้ แต่จำกัดเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra High Net Worth Investor: UI) เท่านั้น เพราะกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุน KFFVPE-UI จะลงทุนร่วมกับนักลงทุนสถาบันผ่าน ฟินโนเวนเจอร์ ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์ I มีหลักการลงทุนว่า จะเน้นลงทุนใน 3 ธีมธุรกิจเด่นๆ ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Fintech, E-commerce และเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ (Automotive Tech) ซึ่งมีโอกาสการเติบโตอีกมากตามความต้องการของผู้บริโภคในอาเซียน
ซึ่งล่าสุด 3 องค์กรใหญ่ อย่าง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, บมจ. ปตท. นํ้ามันและการค้าปลีก (OR) และ บมจ. สยามราชธานี (SO) ได้ตอบรับเข้าร่วมลงทุนกับ ฟินโนเวนเจอร์ ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์ I เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับกรอบการลงทุน จะให้น้ำหนักการลงทุน Start-up ในประเทศไทย 70% ที่เหลือ 30% ในอาเซียน โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม ตั้งเป้าลงทุนประมาณ 15-25 บริษัท ด้วยจำนวนเงินลงทุนระหว่าง 30-150 ล้านบาทต่อหนึ่งสินทรัพย์ และเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่อยู่ในช่วงระยะของการเติบโตตั้งแต่ Series A ขึ้นไป ซึ่งเป็นระดับที่ธุรกิจเริ่มเป็นที่รู้จัก และเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่มากขึ้น จึงมีความน่าสนใจในการลงทุนและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างสูง จากการทำกำไร หรือ Exit ออกจากธุรกิจ Start-up ซึ่งอาจเกิดจากการได้รับการระดมทุนในรอบถัดไปที่มีมูลค่าสูงขึ้น เช่น จาก Series A ไป Series B, การที่ Start-up ถูกซื้อจากบริษัทใหญ่ๆ หรือการออก IPO เข้าสู่ตลาดทุน โดยแต่ละบริษัทจะลงทุนครั้งแรกประมาณ 70% และรอบต่อๆ ไปอีก 30%
นอกเหนือจากการให้สนับสนุนทางด้านเงินลงทุนแล้ว กรุงศรี ฟินโนเวต ยังใช้กลยุทธ์ในการทำ Synergy กับ Start-up ที่กองทุนเข้าร่วมลงทุนด้วย ด้วยการส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปทำงานร่วมกับ Start-up ที่เข้าไปร่วมลงทุน เป็นที่ปรึกษารวมทั้งจัดหาลูกค้าให้เพื่อทำให้เกิดการเติบโตอย่างแท้จริง
ที่สำคัญ นักลงทุนที่สามารถลงทุนผ่านกองทุน KFFVPE-UI จะต้องมีคุณสมบัติการเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. และสามารถลงทุนระยะยาวอย่างน้อย 12 ปี ตลอดระยะเวลาของโครงการ เพราะการลงทุนใน Start-up มีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วไปที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็มีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเช่นกัน