Krungthai CIO ชี้ถึงเวลาเพิ่มหุ้น AI ขนาดกลางและเล็ก กับหุ้นนอกกลุ่มเทคโนโลยี

4847 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Krungthai CIO ชี้ถึงเวลาเพิ่มหุ้น AI ขนาดกลางและเล็ก กับหุ้นนอกกลุ่มเทคโนโลยี


หลังจากช่วงครึ่งแรกของปี 2567 การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนอย่างโดดเด่น นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) ผลักดันให้ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นกว่า 15% สำหรับช่วงครึ่งปีหลัง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนขึ้น และปัญหาเงินเฟ้อที่คลี่คลายลง ทำให้โอกาสหาผลตอบแทนจากตลาดหุ้นยังมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) การเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ รวมถึงปัญหาสงครามทั้งในตะวันออกกลาง และสงครามการค้า ตลอดจนปัญหาความเปราะบางในภาคอสังหาริมทรัพย์ และการบริโภคที่ชะลอตัวในจีน อาจส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจจีนทำไม่ได้ตามเป้าหมาย 5% และสร้างแรงกดดันให้บรรยากาศการลงทุนมีความผันผวนในระยะสั้น 

ดังนั้น ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน บมจ. ธนาคารกรุงไทย (Krungthai Chief Investment Office) แนะนำแนวทางจัดพอร์ตลงทุนครึ่งปีหลัง โดยยังคงให้น้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากที่สุด เมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว (Developd Market) ทั้งหมด แต่ให้ปรับน้ำหนักการลงทุนไปที่หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเพิ่มขึ้น เพราะที่ผ่านมา การปรับขึ้นของตลาดกระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก ทำให้มีหุ้นคุณภาพดีที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี ยังมีราคาไม่แพง สามารถเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนได้อย่างหลากหลาย

สำหรับหุ้นเทคโนโลยี ยังคงมีความน่าสนใจจากกระแสการเติบโตของ AI แต่ควรขยายวงให้ครบทั้ง Value Chain ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการขยายตัวของ AI เช่น ธุรกิจ Cloud Data Center แหล่งพลังงานรองรับ AI หรือธุรกิจที่นำ AI ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

รองลงไปเป็น ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งประสบความสำเร็จจากการปฎิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจญี่ปุ่น ทำให้เงินเฟ้อเริ่มกลับมาขยายตัวที่ระดับเป้าหมาย 2% ค่าจ้างปรับตัวขึ้น เพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้ธุรกิจต่างๆ สามารถปรับขึ้นราคาสินค้าได้ ผลักดันให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น

ส่วนตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ให้น้ำหนักตลาดหุ้นจีน เพราะเชื่อว่า เศรษฐกิจจีนผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ทำให้ราคาหุ้นตอบรับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไปหมดแล้ว อีกทั้งทางการจีนมีโอกาสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หนนให้หุ้นจีนมีโอกาสฟื้นตัวต่อ ตามมาด้วยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ซึ่งแนวโน้มกำไรยังแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และยังได้แรงหนุนจากแผนเพิ่มมูลค่าบริษัทจดทะเบียน (Korea Value up Program)

ขณะที่สินทรัพย์ประเภทโภคภัณฑ์ ทั้งน้ำมัน และทองคำ ควรมีติดพอร์ตไว้เหมือนเดิม เพื่อป้องกันความไม่แน่นอนในระยะสั้น จากปัจจัยการเมือง โดยเฉพาะผลที่จะตามมาหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ในต้นเดือนพฤศจิกายน และปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงคุกรุ่นเป็นระยะๆ  

เช่นเดียวกับสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ อย่างตราสารหนี้ ที่จะยังคงเป็นตัวเลือกเพื่อบริหารความผันผวนจากดอกเบี้ยขาลง เพราะตลาดให้ความสำคัญกับ "ขนาด" และ "จังหวะ” ของการปรับลดดอกเบี้ย โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของ FED ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งจะมีผลต่อกระแสเงินทุน (Fundflow) ต่อเนื่องช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ และต้นปีหน้า

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้