INVX แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นกลางและเล็กในสหรัฐฯ รองไปเป็นจีน เวียดนาม และทองคำ

5522 จำนวนผู้เข้าชม  | 

INVX แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นกลางและเล็กในสหรัฐฯ รองไปเป็นจีน เวียดนาม และทองคำ


สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอ็กซ์ (INVX) นำโดย ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน และนายวิศกรณ์ คีรีวรรณ ผู้อำนวยการ Investment Stratrgist ฝ่าย Wealth Products & Strategy ร่วมกันเปิดมุมมองการลงทุนในปี 2568 ว่า การลงทุนตลอดทั้งปีน่าจะผันผวนสูง และให้ผลตอบแทนต่ำ ขานรับความไม่แน่นอนที่เกิดจากหลายตัวแปร ไม่ว่าจะเป็น การที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญ 2 ปัญหาใหญ่ คือ ระดับหนี้สูง และผลกระทบจากภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง หรือแนวนโยบายเศรษฐกิจและการเมืองโลกของนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบาย America First ทั้งด้านการค้า การเข้าเมือง และการคลัง สร้างความกังวลต่อเสถียรภาพทางการคลัง ความผันผวนของค่าเงิน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่งผลให้กระแสการไหลของข้อมูลข่าวสารมีความถี่เพิ่มขึ้นมาก และสร้างความผันผวนในตลาดการเงินได้เป็นระยะๆ 

ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายสำคัญ 4 ประการ (4T) คือ ภาคการผลิตของไทยกำลังสูญเสียขีดความสามารถการแข่งขัน (Tightened Economy) การเตรียมปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงวิกฤตการคลัง (Tax Reform) ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงมากขึ้น (Temperature Rising) และนโยบายการเงินที่ตึงเกินไป ทำให้ ธปท. ควรลดดอกเบี้ยเร็วและต่อเนื่อง (Time to Cut) หากลดช้าจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวยิ่งขึ้น จากที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 นี้ จะเติบโต 2.7% 

อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดการเงินได้ปัจจัยหนุน ทั้งการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายแห่ง และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน จึงทำให้การจัดสรรเงินลงทุนปีนี้ ควรเพิ่มน้ำหนักลงทุนตราสารทุนมากกว่าตราสารหนี้ และใช้ทองคำเป็นสินทรัพย์ในการกระจายความเสี่ยง แต่กลยุทธ์การลงทุนจำเป็นต้องเน้นเลือกลงทุน (Selective) เนื่องจากเป็นปีแห่งการเข้าสู่ภาวะปกติ (Normalization) ทำให้ไม่อาจคาดหวังการเติบโตของกำไรตลาดมากเหมือนที่เกิดในปี 2567 ได้อีก ประกอบกับการกลับมาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกสะท้อนเข้าไปในราคาสินทรัพย์หลายประเภท นับตั้งแต่รู้ผลการเลือกตั้ง โดยมีความเป็นไปได้สูงว่า ความกังวลด้านนโยบาย TRUMP 2.0 จะไม่ย่ำแย่เหมือนสมัย TRUMP 1.0  จึงแนะนำเลือกลงทุน หุ้นกลุ่มเงินและหุ้นขนาดกลางและเล็กสไตล์ ที่เข้าข่ายหุ้นคุณค่า ของสหรัฐฯ ซึ่งหลายตัวมีจุดเด่นเรื่องระดับราคาซื้อขายที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใกล้จะมาถึงเข้ามาหนุนอีกแรงหนึ่ง 

นอกจากนี้ นักลงทุนอาจกระจายพอร์ตส่วนหนึ่งไปลงทุนตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น และได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ น้อยกว่าในอดีต อาทิ ตลาดหุ้นจีน และเวียดนาม






ส่วนตราสารหนี้ แนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้โลกที่มีอายุ (Duration) ไม่เกิน 3 – 5 ปี เพื่อล็อกผลตอบแทน และกระจายเสี่ยงในทองคำควบคู่กันไปด้วย




Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้