4034 จำนวนผู้เข้าชม |
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ประเทศไทย (MST) ประเมินภาพตลาดหุ้นปี 2568 น่าจะสดใสกว่าปี 2567 ขานรับโมเมนตัมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ขับเคลื่อนจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ ของรัฐบาล และการได้ประโยชน์จากกลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ทรัมป์ สมัยที่ 2 หนุนให้มีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะถูกเก็บภาษีการค้าเพิ่มจากสหรัฐฯ จำกัด เพราะไทยอยู่ในลำดับท้ายๆ ของประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ามากที่สุด ช่วยผลักดันให้การส่งออกขยายตัวดีขึ้นตามไปด้วย ทำให้คาดการณ์ดัชนีปลายปีที่ 1,590 จุด เทียบเท่า P/E ที่ 16.9 เท่า เมื่อตั้งสมมติฐานว่ากำไรต่อหุ้นบริษัทจดทะเบียน (EPS) อยู่ที่หุ้นละ 94 บาท เติบโตจากปี 2567 ราว 8.4%
อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่มีผลกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงความไม่แน่นอนที่เกิดจากแนวนโยบาย และวาทะของผู้นำสหรัฐฯ จะยังเป็นปัจจัยกดดันให้โอกาสที่จะคาดหวังเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนได้เป็นระยะๆ และส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่มีโอกาสเติบโตจำกัด จึงแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นขนาดกลางที่มีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะหุ้นที่ไม่ติดดัชนี SET50 ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่า (14% เทียบกับ 7% สำหรับดัชนี SET50) มีมูลค่าที่น่าสนใจกว่า (P/E 14 เท่า เทียบกับ 16 เท่า สำหรับดัชนี SET50) และน่าจะได้รับแรงกดดันจากกระแสเงินทุนที่น้อยกว่า
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ มีมุมมองเป็นกลางต่อ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย อีกทั้งช่วง 3 ปีล่าสุดนี้ ดัชนี SET50 กลับมีผลดำเนินงานดีกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ติดต่อกัน และไม่น่าทำได้ต่อเนื่องถึง 4 ปี พิสูจน์ให้เห็นแล้ว เมื่อตรวจสอบสถิติย้อนหลังในอดีต นับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา
สำหรับหุ้นเด่นของ MST ประกอบด้วยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายภาครัฐ อย่าง TASCO CK และ SKY หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของการท่องเที่ยวและราคาน้ำมันที่ลดลง นำโดย AAV รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากทรัมป์ 2.0 ได้แก่ CCET กับหุ้นกลุ่มการเงิน ซึ่งได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ
และเพื่อหลบความผันผวนของตลาดระยะสั้น ควรแบ่งเงินมาพักในหุ้นปันผลสูง ซึ่งเมื่อคัดกรองจาก 4 เงื่อนไข คือ หุ้นที่คาดผลดำเนินงานปีนี้เติบโต, Valuation น่าสนใจ และแนะนำซื้อ ประกอบเข้ากับคาดหมายจ่ายเงินปันผลครึ่งหลังปี 2567 มากกว่า 3% และคาดจ่ายเงินปันผลปี 2568 มากกว่า 6% พบว่า มีหุ้น 8 บริษัทที่เข้าเงื่อนไข ประกอบด้วย BCP SABINA SIRI ICHI KKP SCCC TASCO และ TTB ซึ่งเมื่อนำมาเลือกโดยพิจารณาจาก EPS Growth ปี 2568 ที่เติบโตสูงกว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ เกิน 2 เท่า หรือมี EPS Growth มากกว่า 16%) จะได้ Top Picks 3 ตัว คือ BCP KKP และ TASCO