โอกาสลงทุน ITEL มาแล้ว หลังราคาซื้อขายต่ำกว่า Book Value สวนทางกำไรปี 2568 ที่โต 2 หลัก

5720 จำนวนผู้เข้าชม  | 

โอกาสลงทุน ITEL มาแล้ว หลังราคาซื้อขายต่ำกว่า Book Value สวนทางกำไรปี 2568 ที่โต 2 หลัก


การจัดประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ (Analyst Meeting) บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) ช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งคณะผู้บริหารนำโดย ดร. ณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดร. บัณฑิต รุ่งเจริญพร กรรมการผู้จัดการ และนายสุมิตร เจริญพรปิติ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงินและบัญชี เพื่อสรุปสถานการณ์ช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 พร้อมนำเสนอแผนธุรกิจปี 2568  

โดยคณะผู้บริหารยอมรับว่า พลาดเป้าหมายรายได้ในปี 2567 เนื่องจากความล่าช้าในการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ ส่งผลให้รายได้จากงานบริการโครงข่าย (Data service) ที่มีสัดส่วนการสร้างรายได้ราว 50% และงานบริการติดตั้งโครงข่าย (Installing) ที่มีสัดส่วนการสร้างรายได้ราว 43% ส่วนใหญ่จะเกิดจากการส่งมอบงานในมือ (Backlog) เป็นหลัก ทำให้ผลดำเนินงานทั้งปีอ่อนแอลงจากปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ดี การที่เริ่มเห็นสัญญาณการเปิดประมูลงานเข้ามาบ้างในไตรมาส 3 ทำให้เชื่อมั่นว่า ผลดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายปีนี้จะเติบโตดีขึ้นจากไตรมาส 3 ตามการรับรู้รายได้จาก Backlog สิ้นไตรมาส 3 ที่มี 1.96 พันล้านบาท ราว 633 ล้านบาท และรับรู้รายได้ตามความสำเร็จของงานใหม่ๆ ที่ได้รับเข้ามาช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่การรับรู้รายได้จากธุรกิจ Data Center กับธุรกิจขายและให้บริการเครื่องมือแพทย์ ผ่านบริษัทย่อย โกลบอล ลิโธทริปซี่ย์ เซอร์วิสเซส (GLS) ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับปีหน้า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ทั้งกลุ่มที่ 3.8 พันล้านบาท เฉพาะส่วนของ ITEL ที่ 2.8 พันล้านบาท เติบโตเป็นเลข 2 หลักจากปี 2567 หนุนจากการรับรู้รายได้ 938 ล้านบาท จาก Backlog เดิม หรือคิดเป็น 33% ของเป้าหมายรายได้ทั้งปี ส่วนที่เหลือจะมาจากรายได้จากการต่อสัญญา และการได้งานโครงการภาครัฐที่จะเปิดประมูล โดยคาดหวังกับการต่อสัญญาโครงการ USO Phase 1 และโครงการ USO เฟส 3 ค่อนข้างมาก เพราะทั้ง 2 โครงการนี้จะช่วยผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) กลับไปอยู่ในระดับปกติที่ประมาณ 25-28%

 

 


 

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ด้วยการขายหุ้น 33.33% ใน ETIX ITEL Bangkok คืนให้กับพันธมิตรฝรั่งเศส โดยจะมีการบันทึกกำไรพิเศษ จากการขายสินทรัพย์เข้ามาในไตรมาสสุดท้าย ราว 110-120 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ ไม่ต้องแบกภาระขาดทุนจากบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ และมีเงินทุนสำหรับขยายธุรกิจคลาวด์ เพื่อหารายได้จากการให้บริการคลาวด์ พร้อมรับการเข้ามาลงทุนสร้าง Hyperscale Data Center และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลด้าน AI จากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกทั้ง Google และ Microsoft แทน โดยอาศัยจุดแข็งเรื่องโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และผลักดันการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างมั่นคงและยั่งยืน  

นอกจากนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้านำบริษัทย่อย บมจ. บลู โซลูชั่น (BS) ที่ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบ และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ภายในไตรมาส 2 ปี 2568 นี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีกำไรจากขายหุ้นบางส่วน ที่เกิดจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่จาก 51% เหลือ 30% ช่วยการันตีการเติบโตของผลดำเนินงานปี 2568 อีกทางหนึ่ง

สำหรับกระแสตอบรับจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เบื้องต้น ค่ายกรุงศรี (KSS) และฟินันเซีย ไซรัส (FSS) คงประมาณการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2568 ในระดับไม่ต่ำกว่า 3.0 พันล้านบาท เติบโตไม่น้อยกว่า 17.8% จากฐานที่ต่ำในปี 2567 และโอกาสได้รับงานใหม่ๆ ที่จะทยอยเปิดประมูลมากขึ้น ทำให้คงมูลค่าเหมาะสม 2.58 บาท และ 3.40 บาท ตามเดิม แต่ปรับคำแนะนำในการลงทุนจาก "ถือ" เป็น "ซื้อ" เนื่องจากการปรับฐานของราคาหุ้นที่แรงและเร็วในช่วงไม่ถึง 2 เดือนนี้ จนราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่า Book Value แบบลึกสุดใจแล้ว โดยราคาหุ้นที่ระดับ 1.50-1.65 บาท คิดเป็น P/BV เพียง 0.5-0.6 เท่า ถือได้ว่าสะท้อนความอ่อนแอของผลดำเนินงานปี 2567 ไปมากแล้ว

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้