3811 จำนวนผู้เข้าชม |
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการประเมินหุ้นยั่งยืน (SET ESG Ratings) ประจำปี 2567 ว่า มีบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับการประกาศผลประเมินทั้งสิ้น 228 บริษัท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สอดคล้องกับเทรนด์การลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) ที่กำลังเติบโตก้าวกระโดดทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากเป็นเป็นเครื่องมือที่นักลงทุน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ และผู้จัดการกองทุน หันมาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนในวงกว้างมากขึ้น สอดรับกับกระแสตื่นตัวของบริษัทจดทะเบียนที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ที่เพิ่มสูงขึ้นตามกันไปด้วย
สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน ทั้ง 228 บริษัท สามารถแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ ตามคะแนนประเมิน โดยระดับสูงสุด AAA (90-100 คะแนน) มี 56 บริษัท ระดับ AA (80-89 คะแนน) มี 80 บริษัท ระดับ A (65-79 คะแนน) มี 71 บริษัท และระดับ BBB (50-64 คะแนน) มี 21 บริษัท คิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาดในสัดส่วน 82% ของมูลค่ารวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai)
ประการสำคัญ ในปีนี้ มีบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและเล็กที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่เกิน 10,000 ล้านบาท สามารถผ่านเกณฑ์ SET ESG Ratings ได้ถึง 106 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 43% สะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมการประเมิน ยังทำคะแนนเฉลี่ยได้สูงขึ้นในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความโดดเด่นด้านการพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า การวิเคราะห์ผลกระทบและบริหารความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนการตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) อย่างชัดเจน
ผลการประเมิน SET ESG Ratings ทำให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายสำนัก แนะนำให้นักลงทุนหันมาให้น้ำหนักการลงทุนกับหุ้นที่ได้รับการประเมิน ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป เพื่อใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงจากภาวะตลาดที่ยังมีโอกาสผันผวนอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์สงครามการค้า ความผันผวนของค่าเงิน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เพราะกองทุนรวมเริ่มหันมาใช้ SET ESG Ratings เป็นหนึ่งในนโยบายการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Funds - TESG) ซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของกองทุน (AUM) กว่า 1.45 หมื่นล้านบาท หรือกองทุนวายุภักษ์หนึ่ง (VAYU1) ประเภท ก. ที่มี AUM กว่า 1.5 แสนล้านบาท
เบื้องต้น ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย (KS) ได้ยกตัวอย่างหุ้นที่มีการศึกษา พร้อมทั้งราคาประเมิน มาเป็นตัวอย่างให้กับนักลงทุนด้วย