4689 จำนวนผู้เข้าชม |
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก (GBS) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นร่วม บมจ. ไนซ์ คอล (NCP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 50 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 27.78% ของจํานวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 2.00 บาท จากราคาพาร์ที่หุ้นละ 0.50 บาท ระหว่างวันที่ 19 และ 23 – 24 กรกฎาคมนี้ ผ่านบริษัทฯ กับ บมจ. หลักทรัพย์ บียอนด์ (BYD) ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นร่วม และผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 3 ราย ได้แก่ บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) บมจ. หลักทรัพย์ ฟิลลิป ประเทศไทย (PST) และ บมจ. หลักทรัพย์ พาย (Pi) ก่อนเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) วันที่ 31 กรกฎาคมนี้
ด้านนางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร BYD ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นร่วม ชี้แจงว่า การตั้งราคา IPO ที่ 11.80 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 28.14 เท่า เมื่อคำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้นช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง นับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีที่แล้ว ถึงไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งถือว่าเหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบัน และปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ ทั้งโอกาสขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และความเป็นผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales) ครอบคลุมทั้งการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และการให้บริการบริหารพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) ที่มีประสบการณ์ด้านการตลาดแบบตรง (Direct Marketing) ยาวนานกว่า 20 ปี มีความความเข้าใจในธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งมีข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการจัดหาบุคลากรช่วยตอบโจทย์การขายให้กับลูกค้าและคู่ค้า 42 ราย คิดเป็นจำนวนสินค้ามากกว่า 203 รายการ แบ่งเป็นสินค้าของคู่ค้าพันธมิตร 182 รายการ และแบรนด์ BN ของบริษัทฯ เอง 21 รายการ โดยอาศัยฐานข้อมูลลูกค้าเป้าหมายกว่า 5 ล้านรายชื่อ ช่วยผลักดันการเติบโตของรายได้
ส่วนนายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ (Capital One) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เสริมว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจให้กับ NCP จากการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการทยอยลงทุนก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ และก่อสร้างสถานที่ทำงานในเรือนจำ รวมถึงพัฒนาระบบเทคโนโลยีซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจใหม่ และพัฒนาระบบเครือข่ายเพื่อรองรับการเพิ่มจำนวนพนักงาน รวมกัน 45 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจอีกเกือบ 49 ล้านบาท เพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินช่วยต่อยอดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ
ขณะที่นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NCP ยืนยันว่า การเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ และการให้บริการด้าน Telesales อย่างครบวงจร (One Stop Service) ช่วยให้การดำเนินธุรกิจของลูกค้าและคู่ค้าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับกระแส Digital Transformation
พร้อมกันนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ทำสัญญากับ GBS เพื่อ Lock up หุ้นในสัดส่วนที่เหลือจากการติด Silent period เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อยืนยันเจตนารมย์ในการมุ่งสร้างความสำเร็จทางธุรกิจอย่างยั่งยืน