SGC เตรียมประชุมผู้ถือหุ้น 7 ส.ค. อนุมัติแผนเพิ่มทุน 5.2 พันล้านบาท ชำระหนี้ SINGER และรุกขยายสินเชื่อ SG Finance+ ปั้นผลดำเนินงานเติบโตรอบใหม่  

นายอโณทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอสจี แคปปิตอล (SGC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งล่าสุด เห็นชอบกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 5,232 ล้านบาท เป็น 8,502 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 5,232 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจในอนาคต และชำระหนี้บริษัทแม่ บมจ. ซิงเกอร์ ประเทศไทย (SINGER) ซึ่งจะทำให้บริษัทแม่มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น สามารถเดินหน้าต่อยอดธุรกิจในอนาคตได้อย่างเข้มแข็งควบคู่กันไป โดยเตรียมขออนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 7 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ด้วยรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าประชุม (วันขึ้นเครื่องหมาย XM) 15 กรกฎาคมนี้    

เบื้องต้น บริษัทฯ กำหนดกรอบการเพิ่มทุน แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 3,270 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน กำหนดราคาเสนอขายมีส่วนลดไม่เกิน 15% ของราคาตลาด ณ วันกำหนดราคาเสนอขาย และวันที่ไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (วันขึ้นเครื่องหมาย XR) 16 สิงหาคมนี้

ส่วนที่สอง จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 654 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 (SGC-W1) กำหนดจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ก่อนเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ ฟรี ในสัดส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ กำหนดอัตราการใช้สิทธิ 1 SCG-W1 ต่อ 1 หุ้นสามัญ โดย SGC-W1 มีอายุ 1 ปี ซึ่งจะกำหนดราคาใช้สิทธิภายหลังการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเสร็จสิ้นลงไป แต่จะเป็นราคาที่มีส่วนลด 10% จากราคาตลาด ณ วันกำหนดราคาใช้สิทธิแปลงสภาพ 

และส่วนที่สาม จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,308 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 (SGC-W2) กำหนดจัดสรรเฉพาะผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ในสัดส่วน 2.5 หุ้นเพิ่มทุนที่จองซื้อ ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ กำหนดอัตราการใช้สิทธิ 1 SCG-W2 ต่อ 1 หุ้นสามัญ โดย SGC-W1 มีอายุ 3 ปี ซึ่งจะกำหนดราคาใช้สิทธิภายหลังการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเสร็จสิ้นลงไป แต่จะเป็นราคาที่มีส่วนเพิ่ม 10% ของราคาตลาด ณ วันกำหนดราคาใช้สิทธิแปลงสภาพ     

สำหรับเหตุผลที่บริษัทฯ ตัดสินใจเพิ่มทุนช่วงนี้ เกิดจาก 2 เหตุผล ประการแรก นำเงินทุนไปใช้รองรับโอกาสเติบโตทางธุรกิจซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเทิร์นอะราวด์ หลังจากแผนลดขนาดพอร์ตสินเชื่อรถทำเงินลงจาก 11,000 ล้านบาท เหลือ 8,000-9,000 ล้านบาท มามุ่งเน้นสินเชื่อ เอสจี ไฟแนนซ์พลัส (SG Finance+) ภายใต้แคมเปญ Locked Phone ที่ให้ดอกเบี้ยรับสูงขึ้น โดยมีอัตราผลตอบแทนประมาณ 16% สามารถควบคุมความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อได้ดีขึ้น มีโอกาสเกิด NPL เต็มที่ 3-5% มีระยะเวลาการปล่อยสินเชื่อเพียง 1-2 ปี เทียบกับการปล่อยสินเชื่อช่วยให้บริษัทฯ มีกระแสเงินสดกลับเข้ามาเร็วขึ้น และขับเคลื่อนให้ผลดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกเป็นไปตามแผนที่วางไว้

โดยตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการ SG Finance+ เต็มรูปแบบผ่านร้านมือถือชั้นนำทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากพาร์ทเนอร์แบรนด์มือถือ และดีลเลอร์ร้านค้าชั้นนำจำนวนมาก เฉพาะเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา SG Finance+ สามารถปล่อยสินเชื่อได้กว่า 18,000 สัญญา คิดเป็นมูลค่ากว่า 168 ล้านบาท สนับสนุนให้ครึ่งปีแรก SGC สามารถปล่อยสินเชื่อได้กว่า 30,000 สัญญา คิดเป็นยอดสินเชื่อรวมกว่า 280 ล้านบาท และในเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีแบรนด์ Realme เข้าร่วมโครงการเพิ่ม นอกเหนือจากแบรนด์ Oppo, Vivo และ Xiaomi ครองส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนรวมกันถึง 55% รวมถึงร้านค้าพันธมิตรทยอยเข้าร่วมโครงการเพิ่มจาก 2,900 แห่ง คาดถึงสิ้นปีนี้น่าจะทำได้ 5,000 แห่ง สามารถปล่อยสินเชื่อได้ถึง 100,000 สัญญา รับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI กระตุ้นกำลังซื้อ และความต้องการเปลี่ยนอุปกรณ์ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ผลักดันให้ความต้องการสินเชื่อ SG Finance+ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก

ประการที่สอง การเพิ่มทุนจะทำให้บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินเข้มแข็งขึ้น เพราะเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนส่วนแรก จะนำไปชำระคืนหนี้บริษัทแม่ SINGER จำนวน 4,000 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของมูลหนี้ทั้งหมด ช่วยลดภาระดอกเบี้ยลงได้ไตรมาสละ 60 ล้านบาท และยังช่วยให้บริษัทแม่ มีเงินทุนสำหรับขยายธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ สินค้าไอที และสินค้าใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ที่จะมีการเปิดตัวในเดือนสิงหาคมนี้ ผลักดันให้ผลดำเนินงานครึ่งปีหลังเติบโต 40% พร้อมกับหนุนให้เป้าหมายรายได้ทั้งปีเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อน เป็นไปตามแผนที่วางไว้

ซึ่งนายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SINGER เสริมว่า แผนเพิ่มทุนของ SGC ครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบให้บริษัทฯ ต้องเพิ่มทุนตามไปด้วยแต่อย่างใด เพราะได้มีการวางแผนทางการเงินไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งการเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นเกือบ 75% และการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะทยอยครบกำหนดปีนี้ และไตรมาสแรกปีหน้าด้วย       

นอกจากนี้ การเติบโตทางธุรกิจของ SGC จะทำให้บริษัทฯ มีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น สามารถทยอยชำระหนี้บริษัทแม่ ลดภาระทางการเงินได้มากขึ้น อีกทั้งมีศักยภาพในการระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ เพื่อนำเงินทุนมาใช้ปล่อยสินเชื่อในอนาคต รวมถึงคืนหนี้ SINGER ได้ทั้งหมดภายในปี 2571 ขณะเดียวกัน SINGER เตรียมนำเอาแนวคิด Locked Phone มาต่อยอดในการปล่อยสินเชื่ออื่นๆ เพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ เพื่อผลักดันกระแสเงินสดเพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท ในปี 2571 เช่นกัน

สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เบื้องต้น ค่ายกรุงศรี (KSS) และหยวนต้า (YUANTA) มองว่า แผนเพิ่มทุนข้างต้น นอกจากจะตอกย้ำให้เห็นว่า SINGER ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแล้ว ยังจะการันตีความสามารถในการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่เหลือ 3,700 ล้านบาท ได้จากการชำระคืนหนี้ของ SCG อีกทั้งยังจะเพิ่มโอกาสการเติบโตทางธุรกิจของ SGC ได้อย่างโดดเด่น จากการลดลดพอร์ตสินเชื่อรถทำเงินลง 2,000-3,000 ล้านบาท มามุ่งเน้นสินเชื่อ SG Finance+ ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าสินเชื่อรถทำเงินเป็นเท่าตัว ซึ่งหากแผนปล่อยสินเชื่อทำได้ตามเป้าหมายที่ผู้บริหารวางไว้ จะเป็น Growth Driver ใหม่ที่สำคัญสำหรับทั้ง SCG และ SINGER ในระยะต่อไป ช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลง (downsize) ของราคาหุ้น และเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนหุ้น SINGER ระยะกลางถึงยาวด้วย

อย่างไรก็ดี การจับจังหวะลงทุนควรรอดูความชัดเจนของแผนเพิ่มทุน รวมถึงคุณภาพพอร์ตหนี้ (โดยเฉพาะแนวโน้มการไหลลงของคุณภาพหนี้) ในไตรมาส 3 ประกอบการตัดสินใจด้วย