ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง PMC บริษัทลูก SELIC ขาย IPO ก้าวสู่ผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสติ๊กเกอร์เปล่า

4282 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง PMC บริษัทลูก SELIC ขาย IPO ก้าวสู่ผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสติ๊กเกอร์เปล่า


นางรัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บมจ. หลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย (KGI) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ (PMC) ผู้ผลิตและจำหน่ายฉลากกาว หรือผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์ รายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 115.715 ล้านหุ้น  คิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 1 บาท เพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เพื่อนำเงินทุนที่ได้ไปลงทุนขยายกำลังการผลิตสติ๊กเกอร์อีกปีละ 110 ล้านตารางเมตร เป็นปีละ 185 ล้านตารางเมตร ก้าวขึ้นเป็น Top 3 ของประเทศ ภายในไตรมาสแรกปีหน้า รวมถึงขยายศูนย์กระจายสินค้าในภูมิภาคอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม อีกส่วนหนึ่งจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ และจัดซื้อสินค้า ยกระดับสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสติ๊กเกอร์เปล่า (Sticker Label) ในภูมิภาคอาเซียน 

ด้านนายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ (PMC) บอกว่า บริษัทฯ เป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ซีลิค คอร์พ (SELIC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกาวอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ โดยเป็นเรือธง (Flagship) ด้านผลิตและจำหน่ายสติ๊กเกอร์เปล่า ซึ่งเป็นวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับการผลิตฉลากสินค้าและฉลากบรรจุภัณฑ์ และยังสามารถต่อยอดการใช้งานออกไปในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งสติ๊กเกอร์บาร์โค้ด สติ๊กเกอร์ติดกระเป๋าเดินทาง และฝาบิดบรรจุภัณฑ์ ที่มีจุดแข็งเรื่องเทคนิคการปรับสูตรผสมกาว ที่ได้ know-how จากบริษัทแม่ มาพัฒนาและต่อยอดการผลิตสติ๊กเกอร์ที่มีคุณภาพ แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก คือ สติ๊กเกอร์กระดาษ สติ๊กเกอร์ฟิล์ม และสติ๊กเกอร์ชนิดพิเศษอื่นๆ จนได้รับการยอมรับจากลูกค้ากว่า 15 ประเทศทั่วโลก

 





สำหรับช่องทางจำหน่าย บริษัทฯ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าทั้งกลุ่มธุรกิจโรงพิมพ์ฉลากสินค้า (Printer) และผู้ผลิตฉลากสินค้า (Converters) โดยลูกค้าจะนำสติ๊กเกอร์เปล่าไปดำเนินการออกแบบ จัดพิมพ์ลวดลาย และตัดให้ได้รูปทรง เพื่อผลิตเป็นฉลากสินค้าให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือ End Users ตามลำดับ 

ขณะที่สัดส่วนยอดขาย แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% ผ่านช่องทางจำหน่ายของบริษัทฯ และบริษัทย่อย 2 แห่ง คือ PMC สิงคโปร์ กับ PMC มาเลเซีย ช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จาก 708 ล้านบาท ในปี 2563 เพิ่มเป็น 834 ล้านบาท ในปี 2564 และ 874 ล้านบาท ในปี 2565 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปีละ 11.1% แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดก็ตาม 


 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้