ถึงเวลา ITEL เข้าสู่โหมดเติบโต ขานรับการได้พันธมิตรระดับโลก Etix Everywhere ร่วมรุกธุรกิจ Data Center  

600 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ถึงเวลา ITEL เข้าสู่โหมดเติบโต ขานรับการได้พันธมิตรระดับโลก Etix Everywhere ร่วมรุกธุรกิจ Data Center  


ในที่สุด บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) ได้ประกาศเปิดตัวพันธมิตรในธุรกิจ "ดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center)" ยักษ์ใหญ่จากออสเตรเลีย “Etix Everywhere” ผู้ให้บริการ Colocation ผ่านเครือข่ายศูนย์ข้อมูลทั่วโลก ที่มีศูนย์ข้อมูล 8 แห่ง และฐานลูกค้ามากกว่า 250 ราย กระจายตัวในยุโรป ลาตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อแผนเข้าลงทุนใน “เจเนซิส ดาต้า เซ็นเตอร์” ด้วยการซื้อหุ้นในสัดส่วน 66.67% จาก บมจ.แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (AIT) และ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เสร็จสิ้นลงไปเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา

ล่าสุด "เจเนซิส ดาต้า เซ็นเตอร์” ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ETIX Bangkok #1” โดยมีอัตราการใช้พื้นที่ในเฟสแรก 85% และเตรียมขยายเฟส 2 ซึ่งมีพื้นที่ให้บริการ 180 racks และในอนาคต ตั้งเป้าขยาย Data Center แห่งนี้ ให้สามารถรองรับลูกค้าให้ได้สูงถึง 2.4 เมกะวัตต์ โดย Data Center แห่งนี้จะเป็นแห่งแรกที่มีการเข้าถึงของโครงข่ายจากผู้ให้บริการโครงข่าย 4 เส้นทาง และรับไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายไฟที่มาจาก 2 สถานีย่อยที่แตกต่างกัน

นายหลุยส์ บลองโช (Louis Blanchot) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Etix Everywhere ชี้แจงว่า การเข้าซื้อกิจการในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่มีพลวัตสูงสุดในภูมิภาคนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งการเป็นก้าวแรกในการขยายธุรกิจสู่เอเชีย และการยกระดับในการให้บริการเพื่อสนับสนุนลูกค้าทั่วโลก ด้วยการให้บริการจัดสรรพื้นที่สำหรับการจัดวางหรือติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้บริการลูกค้าองค์กรต่างๆ ตลอดจนผู้ใช้งานทั่วไป (Co-Location) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในระดับเดียวกัน สำหรับทุกๆ ที่ที่ลูกค้าต้องการ

ที่สำคัญ ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการเติบโตสำคัญสำหรับผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะ และผู้ให้บริการผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ตในรูปแบบเปิด (OTT) เพราะลูกค้าเหล่านี้จำเป็นต้องนำข้อมูลของตนไปให้ใกล้กับผู้ใช้บริการปลายทางมากที่สุด เพื่อให้สามารถให้บริการได้ดีขึ้น และมีส่วนช่วยกระตุ้นความต้องการสำหรับการใช้บริการ Co-Location 

ขณะที่นายปิแอร์ ปาตริส (Pierre Patris) ซีอีโอประจำภูมิภาคเอเชีย Etix Everywhere เสริมว่า การที่ลูกค้าของบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการคลาวด์และเนื้อหา (Content) ชั้นนำของโลก จึงมีข้อกำหนดด้าน Co-Location ที่เข้มงวดมาก และเป็นการยากสำหรับลูกค้าของบริษัทฯ ที่จะหาศูนย์ข้อมูลที่มีมาตรฐานตามที่ตั้งไว้ในประเทศไทย และยังมีความจุเพียงพอสำหรับการขยายความจุ บริษัทฯ จึงภูมิใจมากที่ได้ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้ในที่สุด

โอกาสนี้ นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL)  เล่าให้ฟังว่า ศูนย์รับฝากข้อมูลแห่งนี้จะเป็นพื้นฐานของศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ ซึ่งสามารถนำมาใช้ผสมผสานระหว่างประสบการณ์เฉพาะด้านของบริษัทฯ และโนฮาวระดับสากลของกลุ่ม Etix Everywhere ช่วยยกระดับการให้บริการลูกค้าของทั้ง 2 บริษัทดีขึ้น

นอกจากนี้ การได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งระดับโลกของ ITEL ยังจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ให้บริการคลาวด์ในต่างประเทศที่ต้องการใช้ไทยเป็นฐานที่ตั้งสำหรับ Data center ขณะเดียวกัน การเป็นพันธมิตรธุรกิจของ ITEL และกลุ่ม Etix จะยกระดับความแข็งแกร่งด้านศูนย์รับฝากข้อมูล และอุตสาหกรรมคลาวด์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเฟื่องฟูให้ก้าวไปอีกระดับ พร้อมกับนำพาธุรกิจของทั้ง 2 บริษัทให้ประสบความสำเร็จร่วมกัน

ซึ่งการเพิ่มของ Data Usage ไม่ว่าจะเป็นจากการ Digitalize หรือการมาของ Metaverse ในอนาคต ส่งผลให้ความต้องการใช้ Data Center เพิ่มสูงขึ้น เพราะผู้ให้บริการจำเป็นต้องมีแหล่งจัดเก็บข้อมูลที่อยู่ใกล้ลูกค้ามากที่สุด และกลายเป็นปัจจัยหนุนให้ ITEL มีศักยภาพการเติบโตอย่างโดดเด่น เพิ่มเติมจากการให้บริการติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคม (SI) แบบครบวงจร

โดยค่ายฟินันเซีย ไซรัส (FSS) บอกว่า การที่ ITEL ได้พันธมิตรระดับโลกทางด้านบริการรับฝาก Server เอาไว้ใน Internet (Colocation) จะทำให้ผู้ประกอบการ Cloud operator ต่างประเทศเข้ามาใช้เจเนซิส ดาต้า เซ็นเตอร์ ในปริมาณเพิ่มขึ้น หนุนให้ผลดำเนินงานของบริษัทฯ พลิกฟื้น อย่างมีนัยยะสำคัญ นอกจากนี้ การเพิ่มทุน 2% เพื่อแลกกับหุ้น 51% ของ Blue Solution (BS) จะเปิดโอกาสให้ ITEL รับงาน SI ซึ่งไม่ซ้ำซ้อนกับของบริษัทฯ รวมทั้งใช้ผลงานของ BS เข้าร่วมประมูลงานโครงการต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน

ดังนั้น จึงปรับประมาณการกำไรปี 2565-2566 ขึ้น 5-10% คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 2 ปีนี้ สูงถึง 32.7% และมีกำไรสุทธิ (Net margin) ในระดับ 11-12% เข้าใกล้เป้าที่บริษัทตั้งเป้าหมาย  Net margin ไว้ที่ 15% ภายในปี 2569  ส่งผลให้ต้องปรับราคาเป้าหมายตามไปด้วย จาก 6.30 บาท เป็น 7.10 บาท เมื่อปรับ P/E เพิ่มจาก 24 เท่า เป็น 32 เท่า ตามการปรับ PEG ขึ้นจาก 0.8 เท่า เป็น 1.0 เท่า โดยคำนวณรวมการใช้สิทธิของ ITEL-W3 ไว้แล้วเป็นส่วนใหญ่

ส่วนหยวนต้า (YUANTA) ยกให้ ITEL เป็นหุ้นเติบโตเด่นของกลุ่ม ICT ที่ตลาดจะให้ Premium จากงบดุลที่แข็งแกร่งขึ้น และรอบของการเข้าสู่ปีทองของธุรกิจ เป็นตัวแทนของการเติบโตของปริมาณการใช้ Data ใน ยุค 5G ของประเทศไทย เพราะรายได้กว่า 50% มาจากการให้บริการ Fiber Optic สำหรับองค์กรขนาดใหญ่และภาครัฐ

คาดกำไรปกติ 2 ปีนี้ (2565-2566) ที่ 357 ล้านบาท (+41%YoY) และ 477 ล้านบาท (+33% YoY) ตามลำดับ หนุนจากการก้าวเข้าสู่ยุค 5G เต็มตัว การมี Backlogs ในระดับสูง และงบดุลที่แข็งแกร่งขึ้น พร้อมประมูลงานขนาดใหญ่มากขึ้น .ให้มูลค่าพื้นฐานสิ้นปีนี้ ที่ 7.40 บาท เมื่อใช้ PER ที่ 30.0 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้น Lease line และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากยุค Digital ที่มีรายได้เป็น Recurring ที่ 37.0 เท่า)

สำหรับกรุงศรี (KSS) สรุปประเด็นสั้น ๆ ว่า ถึงเวลาเข้าสู่โหมดการเติบโต โดยประเมินกำไรช่วงปี 2564-2566 จะเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 29% และคาดผลดำเนินงานปี 2564 มีกำไร 248 ล้านบาท (เติบโต 35% yoy) ก่อนเติบโตต่อเนื่องในปี 2565 เป็น 328 ล้านบาท (เติบโต 32% yoy) เพราะได้ปัจจัยหนุนทั้ง Organic Growth จาก Secure backlog 1,902 ล้านบาท คิดเป็น 73% ของประมาณการ และ Inorganic Growth จากการ Swap เข้าถือหุ้น 51% ใน Blue Solution ผู้ให้บริการ System Integrator ซึ่งมีงานรอรับรู้รายได้ปีนี้ ราว 700 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายแบบ Fully Diluted ที่ 6.20 บาท คิดรวมการเพิ่มทุน PP และ Warrant Exercise แล้ว



Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้