TNITY มองภาพหุ้นไทยไตรมาส 3 ทรงตัว รอฟื้นไตรมาส 4

4872 จำนวนผู้เข้าชม  | 

TNITY มองภาพหุ้นไทยไตรมาส 3 ทรงตัว รอฟื้นไตรมาส 4



นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ (TNITY) ประเมินภาพตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3 ว่า น่าจะแกว่งในลักษณะ Sideway ต่อเนื่อง เพื่อรอความชัดเจนจากปัจจัยการเมืองทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย และโอกาสในการปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนไทย โดยประเมินแนวต้านบริเวณ 1,340 จุด และแนวต้านสำคัญที่ 1,370 จุด ส่วนแนวรับในกรณีเลวร้ายที่สุด อยู่ที่ 1,270 จุด เทียบเท่า Forward P/E ที่ 12.3 เท่า เมื่อตั้งสมมติฐานว่า กำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (EPS) ปีหน้าอยู่ที่ 107 บาท และธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้ลง 0.25% แต่หากธนาคารแห่งประเทศไทยส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ มีความเป็นไปได้ว่าอาจเห็นดัชนีไหลลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ของปี แต่ไม่หลุดแนวรับสำคัญ บริเวณดัชนี 1,240 จุด คิดเป็น Forward P/E ที่ 11.9 เท่า

สำหรับเหตุผลที่ทำให้ความเสี่ยงขาลง (Downsize) ของตลาดค่อนข้างมีจำกัด ส่วนหนึ่งเกิดจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติจะไม่รุนแรงเท่าช่วงไตรมาส 2 เนื่องจากค่าเงินบาทน่าจะยืนได้ในระดับ 37 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งเศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวเด่นชัดขึ้น หนุนจากการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่ล่าช้า และการเข้าสู่ช่วง High season ของการส่งออก รวมถึงการเริ่มบังคับใช้มาตรการ Uptick Rule เพื่อควบคุมการขายแบบ Short Sell และโปรแกรมการซื้อขาย (Robot Trade) ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ช่วยลดทอนแรงขายแบบโมเมนตัมให้ลดน้อยลง

ซี่งเมี่อให้เลือกหุ้นลงทุนรับการฟื้นตัวของตลาดในระยะต่อไป ทาง TNITY ให้น้ำหนักกลุ่มหุ้นที่อิงปัจจัยภายนอก ได้แก่ กลุ่มส่งออกอาหาร และเกษตรแปรรูป เพราะการเติบโตของกำไรยังคงแข็งแกร่ง จากการเข้าสู่ช่วง High season ของการส่งออก อีกทั้งสินค้าหลายชนิดมีปริมาณสินค้าคงคลังในระดับที่ต่ำมาก หนุนให้น่าจะได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และสินค้าบางชนิด ยังได้ประโยชน์ทางอ้อมจากมาตรการกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐและจีนฯ ด้วย

ขณะเดียวกัน นักลงทุนควรกระจายการลงทุนไปในกลุ่มหุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศ แต่มีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว เช่น กลุ่มที่อิงการลงทุนภาครัฐ กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีฐานลูกค้าธุรกิจมากกว่าลูกค้ารายย่อย และกลุ่มแปรรูปสินค้าเกษตร รวมไปถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ที่ได้ประโยชน์จากปรากฏการณ์ลานีญ่า (La Niña) ซึ่งน่าจะไปถึงจุดพีคในไตรมาสสุดท้าย โดยมีหุ้น Top pick 10 ตัว ได้แก่ COCOCO, SAPPE, STGT, SCCC, TASCO, BCH, BBL, KTB, CKP และ TVO 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้