CFARM เคาะราคา IPO ที่ 1.35 บาท เปิดจอง 27-29 พ.ค. ก่อนซื้อขายวันแรก 6 มิ.ย. ในตลาด mai

4730 จำนวนผู้เข้าชม  | 

CFARM เคาะราคา IPO ที่ 1.35 บาท เปิดจอง 27-29 พ.ค. ก่อนซื้อขายวันแรก 6 มิ.ย. ในตลาด mai


 
นายธีรศักดิ์ ทวีปืยมาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บมจ. หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน ประเทศไทย (UOBKH) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น บมจ. ชูวิทย์ฟาร์ม 2019 (CFARM) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 149 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.69% ของจํานวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 1.35 บาท จากราคาพาร์ที่หุ้นละ 1 บาท ระหว่างวันที่ 27 – 29 พฤษภาคมนี้ ผ่านบริษัทฯ และ บมจ. หลักทรัพย์ บียอนด์ (BYD) ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม พร้อมด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 4 ราย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ (TNITY) บมจ. หลักทรัพย์ ไอร่า (AIRA) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า ประเทศไทย (YUANTA) และ บมจ. หลักทรัพย์ ฟิลลิป ประเทศไทย (PST) คาดว่า จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) วันที่ 6 มิถุนายนที่จะถึงนี้

ด้านนางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร BYD เสริมว่า การตั้งราคา IPO ที่ 1.35 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 26.18 เท่า เมื่อคำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้นช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนปีที่แล้ว จนถึงวันที่ 31 มีนาคมปีนี้ ซึ่งถือว่าเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน และศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่ ที่มีการพัฒนาระบบการผลิตให้ทันสมัย มีกระบวนการเลี้ยงไก่เนื้อได้คุณภาพตรงตามมาตรฐาน ทำให้ทุกฟาร์มเลี้ยงไก่ของบริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งด้านการจัดการ ความปลอดภัย และการดูแลสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีส่วนลดเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกัน
 

 


ส่วนนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) ที่ปรึกษาการเงิน ชี้ประเด็นว่า CFARM ทำธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อให้กับคู่สัญญาในรูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างและปรับปรุงโรงเรือน รวมทั้งอุปกรณ์การเลี้ยงตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์ เพื่อให้ได้ไก่เนื้อมาตรฐานตรงตามที่คู่สัญญากำหนด โดยคู่สัญญาประกอบด้วย บมจ. เบทาโกร (BTG) บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) สหฟาร์ม ซันฟู้ด พนัสโพลทรี่ และแหลมทอง ซึ่งทุกรายให้การยอมรับ และให้ความไว้วางใจในคุณภาพไก่เนื้อของบริษัทฯ มาอย่างยาวนาน

ประการสำคัญ บริษัทฯ สามารถควบคุมเฝ้าระวังโรคระบาดได้ดี สามารถเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้นเป็นลำดับ จากฟาร์มเลี้ยงไก่ 8 ฟาร์ม ประกอบด้วยโรงเรือนจำนวน 121 โรงเรือน ทั้งหมดตั้งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ สามารถเลี้ยงไก่เนื้อได้ประมาณ 3.18 ล้านตัวต่อรอบการเลี้ยง หรือปีละ 15.88 ล้านตัว ส่งผลให้ผลดำเนินงานช่วง 3 ปีล่าสุด มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งด้านรายได้และกำไร อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากความต้องการบริโภคเนื้อไก่ที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น และการได้เงินทุนมาใช้ขยายธุรกิจ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการยกระดับอุตสาหกรรมไก่เนื้อให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น สร้างการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว และสามารถจ่ายปันผลอย่างมั่นคงให้กับผู้ถือหุ้น

ขณะที่นายชูรัตน์ จึงธนสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ CFARM ยืนยันว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ทั้งในแง่ภาพลักษณ์และการเป็นที่รู้จักของลูกค้า คู่ค้า ซึ่งจะมีส่วนช่วยต่อยอดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ และการนำเงินจากระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตในอนาคต และต่อยอดความสำเร็จอย่างยั่งยืน จากแผนลงทุนก่อสร้างฟาร์ม ปรับปรุงโรงเรือน อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ลงทุนระบบงาน และระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไก่เนื้อ ภายใต้ต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง ซึ่งจะก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในการดำเนินธุรกิจ ส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน สร้างความเข้มแข็งของฐานะทางการเงิน โดยใช้เงินทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตามหลักการจัดการที่ยั่งยืนขององค์กรทั้งในมิติเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับผู้ถือหุ้น และนักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย พร้อมกับมีความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้