ผู้บริหาร STX พร้อมพิสูจน์ผลงาน หลังราคาหุ้นต่ำจองตลอดการซื้อขายวันแรก

การเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ. สโตนวัน (STX) ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง และแร่โดโลไมต์ สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่ได้หุ้นจอง เพราะราคาต่ำจองทั้งวัน โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 2.78 บาท ต่ำกว่าราคาจองที่ 3 บาท ราว 22 สตางค์ คิดเป็นผลขาดทุน 7.33% ทำให้มีแรงขายกระจายตัวออกมา แต่ก็มีแรงตั้งรับหนุนราคาให้ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไป กระทั่งแตะจุดสูงสุดของวันที่ 2.98 บาท ต่ำจอง 2 สตางค์ หลังจากนั้น เริ่มมีแรงขายโถมออกมามากกว่าแรงซื้อที่บางเบา ฉุดราคาหุ้นให้ค่อยๆ ปรับฐานลงเป็นลำดับ กระทั่งปิดตลาดที่ 2.30 บาท ต่ำจอง 70 สตางค์ หรือขาดทุน 23.33% ด้วยมูลค่าการซื้อขายไม่ถึง 350 ล้านบาท

ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตจากฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายสำนัก ว่า การที่หุ้น STX ไม่ได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก น่าจะเกิดมาจากการตั้งราคาขาย IPO ไม่มีส่วนลดจูงใจ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจที่คล้ายคลึงกันในประเทศ อย่าง บมจ. สุธากัญจน์ (SUTHA) หรือ บมจ. เคมีแมน (CMAN) รวมถึงธุรกิจที่ใกล้เคียงกันในต่างประเทศ ราคาขาย IPO อยู่สูงกว่าราคาซื้อขายในปัจจุบันของหุ้นเหล่านี้

กระนั้น นายทรงวุธ เวชชานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STX ให้คำมั่นว่า พร้อมพิสูจน์ผลงาน ด้วยการนำเงินระดมทุนไปใช้ลงทุนเหมืองใหม่ สร้างโอกาสเติบโตในระยะกลางถึงยาว ขณะที่ภาพระยะสั้น ปีนี้ พร้อมผลักดันรายได้ให้เติบโตสูงกว่าเป้าหมาย 10% ที่ตั้งไว้ หลังจากบริษัทฯ เพิ่งได้รับคำสั่งซื้อหินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง ไซส์ใหญ่ จำนวน 500,000 ตัน มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท สำหรับงานถมทะเลในโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ซึ่งรัฐบาลต้องการเร่งพัฒนาให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อสร้างจุดยุทธศาสตร์ในการขนส่งและกระจายสินค้าที่สำคัญระดับภูมิภาค โดยตั้งเป้าผลักดันให้เป็นท่าเรือชั้นนำของโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มงานในมือ (Backlog) สร้างการรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า อีกทั้งยังจะช่วยสนับสนุนยอดขายในไตรมาส 2 ให้เติบโตสูงขึ้นจากปกติที่จะเป็น Low Season และยังมีคำสั่งซื้อใหม่ๆ รอจ่อคิวอีกเป็นจำนวนมาก ตามแผนลงทุนภาครัฐและเอกชน