TERA ยืนเหนือจองทั้งวัน ตอกย้ำการเป็นหนึ่งในผู้นำ IT Solution Provider

การเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ. เทอร์ราไบท์ พลัส (TERA) ไม่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่ได้หุ้นจอง เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองตลอดวัน โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 3.90 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 1.75 บาท ถึง 2.15 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 122.86% มีแรงซื้อดันราคาขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวันที่ 4.04 บาท ให้ผลตอบแทน 130.86% จากนั้น จึงเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรโถมออกมาเป็นระยะๆ กดราคาหุ้นให้ค่อยๆ ปรับฐานลงมา แต่ยังยืนได้เหนือ 3 บาท ตลอดการซื้อขายภาคเช้า ก่อนจะค่อยๆ ปรับฐานในภาคบ่าย ตามแรงซื้อที่หดหายไป มาทำจุดต่ำสุดของวันที่ 2.70 บาท ก่อนมีแรงซื้อหนุนราคาปิดขึ้นมาที่ 2.80 บาท เหนือจอง 60.00% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,216 ล้านบาท   

อย่างไรก็ตาม มีรายงานในภายหลังว่า แรงขายที่เกิดในภาคเช้าส่วนหนึ่งมาจากการขายหุ้นของผู้บริหาร บมจ. เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ซี่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และเป็นกรรมการ TERA รวมกันกว่า 14.4 ล้านหุ้น ทำให้นายสุรสิทธิ์ คิวประสพศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TERA ต้องออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การขายหุ้นจำนวนดังกล่าว เป็นหุ้น IPO ที่ได้รับสิทธิจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-emptive Rights) ซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคล และไม่กระทบแนวนโยบายของบริษัทฯ แต่อย่างใด เพราะกรรมการที่ขายหุ้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงาน อีกทั้ง NEX ยังคงถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 31.88% ตามเดิม เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ก่อตั้ง และผู้บริหารบริษัทฯ ที่ยังคงพร้อมใจถือหุ้นที่ติด Silent Period ในสัดส่วน 98% เท่าเดิม และยังไม่มีแผนจะขายหุ้นออกมา เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของธุรกิจที่แข็งแกร่งในระยะยาว

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะภายหลังการระดมทุน บริษัทฯ มีนโยบายมุ่งเน้นเรื่องการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และรักษาคุณภาพบริการ T.Cloud ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง โดยจะลงทุนระบบ Cloud มูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท ภายในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ รวมถึงจะมีการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับการเติบโต ด้วยการลงทุนราว 70 ล้านบาท ช่วงปี 2568-69 ส่วนเงินที่เหลือจากการระดมทุนจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของกิจการปีนี้และปีหน้า ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันอย่างก้าวกระโดด ยกระดับคุณภาพและบริการให้ดีขึ้น เพิ่มจุดขายได้มากขึ้น ผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น และมีผลดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้ตลอด 3 ปีข้างหน้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ทั้งจากการเติบโตแบบ Organic และ Inorganic โดยวางแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการบริการให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนราว 50% เพิ่มเป็น 70%

ขณะเดียวกัน นางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. หลักทรัพย์ บียอนด์ (BYD) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น และนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) ที่ปรึกษาการเงิน ได้ออกมาให้ความเชื่อมั่นด้วยว่า การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) จะช่วยให้ TERA มีความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินเพิ่มขึ้น สามารถผลักดันให้มีการเติบโตไปพร้อมๆ กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในปัจจุบันที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผ่านการเสนอโซลูชั่นทางเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์มาตรฐานตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาระบบประมวลฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบการจัดเก็บข้อมูลที่มีคุณภาพ รวมถึงการป้องกันภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์ เพื่อบรรลุเป้าหมายของการเป็นหนึ่งใน IT Solution Provider ที่นำเสนอโซลูชั่นไอทีที่มีคุณภาพ

ซึ่งเมื่อพิจารณาจากผลดำเนินงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจ ทำให้ TERA เข้าข่ายหุ้นที่มีคุณสมบัติครบ ทั้งหุ้นเติบโต (Growth Stock) และหุ้นปันผล (Dividend Stock) ได้อย่างแน่นอน