BPS เจอผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 รายกระหน่ำขายเกลี้ยงพอร์ต กดราคาร่วงเกือบทั้งวัน แต่ยังยืนเหนือจอง

การเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ. บีพีเอส เทคโนโลยี (BPS) ไม่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่ได้หุ้นจองและออกของเร็ว แต่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่ขายหุ้นจองช้า รวมถึงนักเก็งกำไร เมื่อราคาพักฐานเป็นส่วนใหญ่ ตามแรงขายที่โถมออกมาเป็นรอบๆ และหนาแน่นกว่าแรงซื้อ โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 2.12 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 0.90 บาท ถึง 1.22 บาท หรือให้ผลตอบแทนกว่า 135.56% และมีแรงซื้อดันราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ 2.20 บาท ในระยะเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นราคาก็ค่อยๆ ย่อลงเป็นลำดับ ตามแรงขายที่กระจายตัวออกมาเรื่อยๆ สวนทางแรงซื้อที่บางเบา กระทั่งปิดภาคเช้าที่ 1.48 บาท สูงกว่าราคาจอง 58 สตางค์ ก่อนจะมีแรงซื้อช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย หนุนราคาขึ้นไปแตะ 1.56 บาท แต่หลังจากนั้น เริ่มมีแรงขายโถมออกมาเป็นรอบๆ กดราคาให้ปรับฐานลงเป็นลำดับ กระทั่งแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 1.20 บาท ถึงเริ่มเห็นแรงซื้อหนุนราคาไต่ขึ้นมาแกว่งแคบๆ ในกรอบ 1.21-1.25 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ 1.23 บาท เหนือจอง 36.67% ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 1,855.39 ล้านบาท 

ทั้งนี้ มีการอธิบายสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น BPS ในการซื้อขายวันแรกร่วงแรง เกิดจากแรงขายของผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย คือ นายแพทย์ รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา ที่กระหน่ำขายหุ้นหมดทั้ง 7.35% และแรงขายจากกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน กองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SME ของ SME DBank คิดเป็นสัดส่วน 13.55%  

สำหรับการซื้อขายในวันถัดมา ราคาหุ้น BPS แกว่งตัวแดนลบเป็นส่วนใหญ่ แต่ราคาหุ้นยังยืนเหนือราคาจองที่ 0.90 บาท ได้ตลอด โดยราคาแตะจุดต่ำสุดที่ 0.95 บาท ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง วันละ 395 ล้านบาท 

แต่ไม่ว่าราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร นายสุรพงษ์ สาเรชพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BPS ให้คำมั่นว่า พร้อมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาสำหรับลูกค้าอสังหาริมทรัพย์แนวราบ และ โรงงาน รวมถึงองค์กรเอกชน โดยตั้งเป้าติดตั้งและผลิตไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 30 เมกะวัตต์ พร้อมกับนำเสนอนวัตกรรม Green Home Solutions เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัยตามเทรนด์อสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบ้านประหยัดพลังงาน โดยบริษัทฯ พร้อมทำหน้าที่เป็นศูนย์ให้บริการแบบครบวงจร (One Stop Service) ทั้งการให้คำปรึกษา ให้บริการออกแบบ ติดตั้ง พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นไปที่ตลาดบ้านมือสอง และกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการปรับปรุงที่พักอาศัยให้เหมาะกับการใช้งานในปัจจุบ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ พร้อมขยายโอกาสใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับแนวคิด SMART HOME เพิ่มเติม อย่างการติดตั้งโรงรถพร้อมระบบ Solar Roof-Top (Garage Roof) การติดตั้งระบบระบายอากาศ (Airflow) และการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้า (EV Charger) ในอนาคตอีกด้วย โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 20%

สำหรับผลประกอบการปีที่ผ่านมา BPS มีกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า จากรายได้รวม 738.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.64% จากปีก่อนหน้า แบ่งเป็นรายได้จากงานจัดหาและจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าภายในอาคาร รวมถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น กล้องวงจรปิด เครื่องระบายอากาศ Kitting Box ให้กับกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พร้อมการให้บริการแบบ One Stop Service ในสัดส่วน 87% ที่เหลือ 13% เป็นรายได้จากการให้บริการจัดหา ออกแบบ ติดตั้ง สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และบริการอื่นๆ