1943 จำนวนผู้เข้าชม |
เพื่อเตรียมพร้อมรับผลประโยชน์วัยเกษียณ จากโอกาสการเติบโตในการลงทุนอย่างยั่งยืนรับโลกยุค Digital ผ่านการลงทุนในบริษัทฯ ด้านเทคโนโลยี และบริษัทที่พัฒนาด้านนวัตกรรมควบคู่ไปกับการเติบโตที่ยั่งยืน เช่น Cloud Computing, AI, Automation, IoT และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเป็นเมกะเทรนด์โลก บลจ. ไทยพาณิชย์ (SCBAM) จึงเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล ดิจิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMDIGI) ระหว่างวันที่ 23 – 29 กันยายนนี้ โดยมีเงื่อนไขการลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท
ทั้งนี้ กองทุน SCBRMDIGI จะลงทุนผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ได้แก่ BNP Paribas Funds Disruptive Technology ชนิดหน่วยลงทุนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (share class I USD) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAVs) ภายใต้การบริหารและจัดการโดย BNP PARIBAS ASSET MANAGEMENT Luxembourg
ส่วนที่เหลือ 20% ของ NAVs กองทุนอาจลงทุนผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวม หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอยู่ภายใต้การจัดการ เพื่อหาผลตอบแทนแบบสม่ำเสมอเพิ่มเติม
นอกจากนี้ กองทุนอาจมีการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ (derivative) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน รวมถึงป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนหลัก BNP Paribas Funds Disruptive Technology มีนโยบายการลงทุนอย่างน้อย 75% ของมูลค่าทรัพย์สิน (NAVs) ในหุ้นหรือหลักทรัพย์เทียบเท่าหุ้นซึ่งออกโดยบริษัททั่วโลกที่มีรายได้จากนวัตกรรมของเทคโนโลยี (innovative technologies) ไม่จำกัดเพียงแค่ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) cloud computing หรือวิทยาการหุ่นยนต์ (robotics) ส่วนที่เหลือไม่เกิน 25% ของ NAVs อาจลงทุนในหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนมือได้ ตราสารตลาดเงินหรือเงินสด แต่กำหนดกรอบการลงทุนในตราสารหนี้ไม่เกิน 15% และลงทุนใน UCITS หรือ UCIs ไม่เกิน 10% ของ NAVs
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน กองทุนจะคัดเลือกหุ้นที่เป็น Best Ideas เพียง 30-50 บริษัท (High Conviction investment) แล้วพิจารณาหุ้นที่จะลงทุนทั้งในเชิง Top-down และ Bottom-up เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ใกล้เคียงกับผลดำเนินงานของดัชนี MSCI World ซึ่งเมื่อพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนหลัก พบว่า สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนีชี้วัด โดยผลตอบแทนช่วง 5 ปี และ 3 ปี อยู่ที่ 19.03% และ 18.69% ส่วนผลดำเนินงานช่วง 1 ปีล่าสุด ติดลบเพียง 3.82% โดยในช่วง 6 เดือนล่าสุด อ้างอิงถึงเดือนสิงหาคมปีนี้ สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 6.36%