1378 จำนวนผู้เข้าชม |
ความผันผวนในการลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี่ และสินทรัพย์ดิจิทัลที่สูงมาก ดูได้จากราคาบิทคอยน์ที่ปรับลงมากกว่า 70% จากที่ทำจุดสูงสุดที่ 67,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 BTC เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนปีที่แล้ว มาแกว่งตัวต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 BTC ในวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ้านมา ทำให้การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี และสินทรัพย์ดิจิทัล จำเป็นจะต้องมีการติดตามข้อมูลการลงทุนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทราบถึงมูลค่าการลงทุน และบริหารความเสี่ยงในการลงทุน
และเนื่องจากเครื่องมือที่มีในตลาดยังไม่สามารถให้ข้อมูลสำคัญ และมีความหมายแก่นักลงทุนได้ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงต้นทุนการลงทุนของตนเอง การแจ้งเตือนเมื่อมูลค่าสินทรัพย์ในพอร์ตมีการเปลี่ยนแปลง หรือการดูข้อมูลกำไร-ขาดทุนของพอร์ตรวม และดูแยกเป็นรายสินทรัพย์ ดังนั้น บริษัท กสิกร เอกซ์ จำกัด (KX) บริษัทในเครือ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ KBTG ที่ดำเนินธุรกิจด้านนวัตกรรมในโลก Decentralized Finance (DeFi) และสินทรัพย์ดิจิทัล จึงได้พัฒนา Bigfin เครื่องมือวิเคราะห์และดูแลพอร์ตการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี และสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมแจ้งเตือนเมื่อมูลค่าพอร์ตมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
นายธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Venture Director KX ชี้แจงว่า แพลตฟอร์ม Bigfin สามารถใช้งานได้ง่าย เพียงเข้าผ่านเว็บไซต์ https://bigfin.finance แล้วกรอก Wallet Address ของตน ก็จะเห็นการวิเคราะห์การลงทุนทันที
โดยจุดเด่นของ Bigfin ประกอบไปด้วย
- Running Balance ดูมูลค่าพอร์ตปัจจุบัน ผลกำไร-ขาดทุนของพอร์ตรวมและดูแยกเป็นรายสินทรัพย์
- Transaction History ดูรายการธุรกรรมการเข้าออกของสินทรัพย์ใน Wallet และค่าแก๊ส โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ ชัดเจน เข้าใจง่าย
- Editing Cost Basis บันทึกต้นทุนการซื้อขายด้วยตนเองได้ เพื่อวิเคราะห์ผลกำไร-ขาดทุนได้แม่นยำขึ้น
ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม Bigfin จะคัดเลือกคริปโทเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัลที่มี Market Capitalization สูงที่สุด 1,000 อันดับแรกบน Ethereum Chain มาแสดง และจะมีการเพิ่มเติมสินทรัพย์จาก Ethereum Chain รวมถึงการเชื่อมต่อกับเครือข่าย blockchain อื่นๆ และศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ Centralized อีกทั้งจะมีการพัฒนาฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์อย่างต่อเนื่อง อาทิ ระบบแจ้งเตือนเมื่อมูลค่าพอร์ตเปลี่ยนแปลงไปยังระดับที่กำหนดไว้ การนำเสนอองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมบนบล็อกเชน
ผู้บริหาร KX เชื่อมั่นว่า Bigfin จะเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์พอร์ตลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีที่ตอบสนองการใช้งานของนักลงทุนได้อย่างตรงจุด ทั้งเรื่องความสะดวกด้วยฟีเจอร์ที่ตรงใจ และการเป็นตัวช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ เพื่อให้นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจอย่างรอบด้าน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีผู้ใช้งาน Bigfin มากกว่า 200,000 ราย ภายในปีหน้า
อนึ่ง ผู้สนใจสามารถติดตามแผนการพัฒนาและความเคลื่อนไหวของทีมงาน KX ได้ที่ https://bigfin-finance.gitbook.io/