507 จำนวนผู้เข้าชม |
เพราะธีมการลงทุน "แบรนด์ดังระดับโลก" ถูกพูดถึง และได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลว่า แบรนด์ที่ทรงพลังจะมีแต้มต่อเหนือธุรกิจทั่วไป อันเป็นผลจาก เอกลักษณ์ ที่โดดเด่น ทั้งด้านคุณภาพ ความนิยมชื่นชอบที่ผู้บริโภคมีต่อสินค้าหรือบริการ จนยากจะหาแบรนด์อื่นมาทดแทน ส่งผลให้แบรนด์เหล่านี้สามารถกำหนดราคาได้เอง มีขีดความสามารถทางการแข่งขันสูง จึงมีส่วนแบ่งการตลาดที่สูง มีงบการเงินที่ดี และยังมีแนวโน้มการเติบโตของรายได้และกำไรในระดับสูง พร้อมฝ่าปัจจัยลบ ทั้งเงินเฟ้อ การเมืองระหว่างประเทศ ความผันผวนจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และข่าวลบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ดังนั้น บลจ.ทิสโก้ (TISCOASSET) จึงเล็งเห็นโอกาสลงทุนในแบรนด์ชั้นนำระดับโลก จึงเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิด ทิสโก้ World Brands (TBRAND) เสนอขายครั้งแรก (IPO) 1-9 กุมภาพันธ์นี้ โดยกองทุนดังกล่าว จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน LO Funds - World Brands ชนิดหน่วยลงทุน Syst. NAV Hdg, (USD) N เพียงกองเดียว ภายใต้การบริหารและจัดการของ Lombard Odier Funds (Europe) S.A. ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกหุ้นแบรนด์ชั้นนำ ด้วยประสบการณ์ในการบริหารกองทุนนี้มากว่า 13 ปี มีวิธีคัดเลือกหุ้นที่เข้มข้นจากการคัดกรองหุ้นที่คาดว่าจะเป็นแบรนด์ทรงคุณค่าในระยะ 10 ปีข้างหน้า โดยเป็นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเมตาเวิร์สและดิจิทัล และกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการจับจ่ายใช้สอยของคนเอเชีย โดยเฉพาะชาวจีน
ซึ่งกองทุนหลัก จะกระจายการลงทุนไปยังหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ “แบรนด์” มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เช่น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย กลุ่มการเงิน กลุ่มเทคโนโลยี อีกทั้งยังผสมผสานระหว่างหุ้นคุณค่า หุ้นเติบโต และหุ้นดิจิทัลไว้ด้วยกัน โดยกลุ่มแรกที่กองทุนหลักเน้นลงทุน คือ หุ้นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก (Global Brand) เช่น Hermes, Nestle และ Ferrari
ส่วนกลุ่มที่สอง จะเป็นการลงทุนในบริษัทเจ้าของแบรนด์สินค้า ซึ่งเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคในระดับหนึ่ง (Upcoming Brand) เช่น PROYA ผู้นำแบรนด์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสัญชาติจีน และ lululemon ผู้นำแบรนด์เครื่องแต่งกายกีฬาสัญชาติแคนาดา และเพื่อให้ผลตอบแทนเติบโตไปตามเมกะเทรนด์ของโลกยังลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับดิจิทัล (Digital Brand) รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเมตาเวิร์สด้วย เช่น Adobe, Microsoft
ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนของหุ้นในกลุ่ม Global Brand, Upcoming Brand และ Digital Brand ได้อย่างอิสระ เพื่อให้เหมาะสมตามแต่ละสถานการณ์ ขณะที่การกระจายการถือหุ้นในพอร์ตข้อมูล จาก Lombard Odier Investment Managers ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2564 พบว่า ผู้จัดการกองทุนหลักจะโฟกัสกับการลงทุนในหุ้นเพียง 30-60 ตัว และแต่ละตัวจะถือในสัดส่วนไม่เกิน 5% ของพอร์ตลงทุน และหุ้น 10 อันดับแรกจะถือไม่เกิน 50% ของพอร์ตลงทุน ซึ่งการกระจายน้ำหนักการถือหุ้นนี้จะช่วยกระจายความเสี่ยงและช่วยลดความผันผวนของพอร์ตรวมได้
และพิเศษสุด ผู้สนใจลงทุนกองทุน TBRAND ตั้งแต่วันที่ 1-9 กุมภาพันธ์นี้ ทาง บลจ.ทิสโก้ พร้อมลดค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee) 33% ของมูลค่าซื้อขาย จากปกติ 1.5% ของมูลค่าซื้อขาย เหลือแค่ 1% ของมูลค่าซื้อขาย