1695 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยผลดำเนินงานปี 2567 มีกำไรสุทธิ 1,661 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.64% จากปีก่อน ตามการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงาน โดยเฉพาะธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) และธุรกิจเทรดดิ้งอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า อีกทั้งยังมีรายการกำไรจากการต่อรองราคาซื้อโครงการ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ส่งผลให้บริษัทของโครงการดังกล่าวเปลี่ยนสถานะจากการร่วมค้าเป็นบริษัทย่อย ผลักดันให้รายได้รวมเติบโต 26.42% มาอยู่ที่ 9,731 ล้านบาท ถึงแม้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า จะลดลง 20.84% เหลือ 807 ล้านบาท สาเหตุจากจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาสแรกจนถึงไตรมาส 3 ของปี ก่อนจะพลิกฟื้นกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตัว ในไตรมาสสุดท้ายของปี ตามมรสุมที่เปลี่ยนแปลงไป
โอกาสนี้ นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร GUNKUL ได้ออกมาชี้แจงแผนธุรกิจปี 2568 ว่า พร้อมขับเคลื่อนผลดำเนินงานให้เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน จากทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจ EPC หรือธุรกิจเทรดดิ้งอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า ซึ่งได้ปัจจัยบวกจากแผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้า (แผน PDP) ฉบับใหม่ และการลงทุนโครงการพลังงานทดแทนของทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ขยายตัวตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้น โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อนไม่น้อยกว่า 15%
โดยธุรกิจพลังงานทดแทน มีแผนขยายพอร์ตธุรกิจออกไปทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับโครงการใหม่ๆ มาโดยตลอด เพื่อขยายกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเป็น 2,000 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 2569 ตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากในปีก่อน กลุ่มบริษัทฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เฟส 2 เพิ่ม 7 โครงการ กำลังการผลิตรวม 319 MW ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 1,800 MW เช่นเดียวกับธุรกิจ EPC ที่มีโอกาสจะได้รับงานเพิ่ม ทั้งงานสายส่ง และสถานีในส่วนของโรงไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นใหม่ ตามแผน PDP ฉบับใหม่ ต่อยอดงานในมือ (Backlog) ให้เพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่แล้ว 4,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่อง 3-4 ปีข้างหน้า รวมถึงการขยายฐานรายได้จากโครงการ Private PPA เพิ่มขึ้น ตามความต้องการใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์ของภาคธุรกิจเอกชนที่เติบโตมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเนื่องไปยังธุรกิจเทรดดิ้งด้วย
ประการสำคัญ ธุรกิจเทรดดิ้งได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าในระบบ 115 Kv ที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่บริษัทฯ ยังไม่เคยทำเพื่อรองรับการเติบโตในระบบส่งและระบบจำหน่ายในอนาคต เพิ่มเติมเข้ามา
และเพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต บริษัทฯ เตรียมยกระดับองค์กรสู่การเป็นพาร์ทเนอร์โซลูชั่นด้านพลังงานสีเขียว และอินฟราสตรัคเจอร์ในภูมิภาคเอเชีย (The Most Recognized Partner in Inclusive Green Energy and Infrastructure across Asia) รองรับการขยายพอร์ตพลังงานสะอาด และการนำเอาจุดแข็งมาต่อยอด New S-Curve ในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติแต่งตั้งนางสาวนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แทน ดร. สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาศัย ที่ได้ปรับตำแหน่งขึ้นเป็นรองประธานกรรมการบริหาร มีผลตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมเป็นต้นไป