1633 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น (SINO) รายงานผลดำเนินงานปี 2567 มีกำไรสุทธิ 88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% จากปี 2566 หนุนจากการเติบโตของธุรกิจบริการขนส่งสินค้าทางทะเล (Sea Freight) ที่มีปริมาณขนส่งทางทะเล (Sea Freight) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งจากการเร่งการส่งออกสินค้าล่วงหน้าสำหรับเทศกาลปลายปี และการที่อัตราค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น จากสถานการณ์ความไม่สงบในทะเลแดง รวมถึงความสำเร็จจากการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ และขยายเครือข่ายการให้บริการ ทำให้มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น ผลักดันให้ปริมาณงานเติบโตตามไปด้วย และส่งผลต่อเนื่องมายังธุรกิจให้บริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์ให้ขยายตัวตามไปด้วย ประกอบกับการที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ยังช่วยให้สามารถรับมือกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงได้ เพียงแค่ยอมลดอัตรากำไรลงมาเล็กน้อย ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 1,895 ล้านบาท หรือ 105% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 3,695 ล้านบาท พร้อมกับรักษาความเป็นผู้นำการขนส่งสินค้าทางทะเล เส้นทางสหรัฐฯ อันดับ 2 ของโลก ได้อย่างต่อเนื่อง
ผลดำเนินงานปี 2567 ทำให้นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SINO ออกมายอมรับว่า ทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทำให้มีความมั่นใจที่จะขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2568 ให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากตัดสินใจจ่ายเงินปันผลสำหรับผลดำเนินงานครึ่งปีหลัง ในอัตราหุ้นละ 0.0625 บาท คิดเป็นผลตอบแทนราว 6.5% (อิงราคาหุ้นที่ 0.95 บาท) กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 2 พฤษภาคม และกำหนดจ่ายเงินในวันที่ 23 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งหากคิดรวมเงินปันผลงวดครึ่งปีแรกที่จ่ายก่อนหน้านี้ ทำให้ทั้งปี บริษัทฯ จ่ายปันผลทั้งสิ้นหุ้นละ 0.076923 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนกว่า 8%
โอกาสนี้ ผู้บริหาร SINO เปิดเผยแผนธุรกิจปีนี้ด้วยว่า พร้อมเดินหน้าขยายเครือข่ายการให้บริการ และฐานลูกค้าในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้สามารถตอบสนองความต้องการด้านโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ SINO ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในฐานะผู้นำโซลูชั่นที่ยกระดับการให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในวงกว้างมากขึ้น โดยเตรียมเปิดสาขาใหม่ในเวียดนามภายในไตรมาสแรกนี้ หลังได้รับการตอบรับที่ดีจากสาขาในกัมพูชา และมาเลเซีย ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เพื่อบริหารความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของรายได้จากธุรกิจ Sea Freight ที่มีความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย ทั้งอัตราค่าระวางเรือ ความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศ ความผันผวนของค่าเงิน บริษัทฯ พร้อมหันมาสร้างรายได้จากธุรกิจขนส่งทางอากาศ (Air Freight) และธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถนำเสนอโซลูชั่นที่ยกระดับการให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยต่อยอดการบริหารซัพพลายเชนและโลจิสติกส์แบบครบวงจร อีกทั้งยังมีจะส่วนช่วยผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้นตามมาด้วย เบื้องต้น บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Air Freight เป็น 5% และธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าเป็น 3%
และก้าวแรกในการรุกธุรกิจ Air Freight เปิดฉากขึ้นแล้ว เมื่อบริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนในบริษัทย่อย เอสเอ็นซี คาร์โก้ เซอร์วิสเซส (SNC) ซึ่งทำธุรกิจตัวแทนการขายระวางสินค้ากับสายการบิน ขณะที่ธุรกิจให้เช่าคลังสินค้า เตรียมเปิดให้บริการคลังสินค้าแห่งที่ 3 ขนาดพื้นที่กว่า 20,000 ตางรางเมตร ทำเลใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง หลังจากคลังสินค้า 2 แห่งก่อนหน้านี้ มีการใช้บริการเกือบเต็มพื้นที่แล้ว