2873 จำนวนผู้เข้าชม |
กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน ภัทร (KKP) จัดสัมมนาKKP Year Ahead 2025 : Opportunities Unbound เพื่อเปิดมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก และทิศทางการลงทุน ตลอดจนให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ และการจัดพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก เพื่อให้ลูกค้า และนักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือความท้าทาย และสร้างโอกาสบริหารเงินอย่างมั่นใจ โดยมี ดร. ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และที่ปรึกษา KKP และ ดร. พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บมจ. หลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร (KKPS) เป็นผู้บรรยายพิเศษ สรุปสาระสำคัญได้ว่า การกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นการสั่นคลอนโครงสร้างระเบียบโลกแบบที่ทุกคนรู้จัก เพราะทรัมป์ได้แสดงความต้องการถอนตัว หรือลดบทบาทองค์กรหรือความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น NATO, WHO และ COP ซึ่งสหรัฐฯ เคยเป็นผู้สนับสนุนสำคัญมาโดยตลอด ส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น จึงไม่ใช่แค่ Presidential Change แต่เป็น Paradigm Shift จากการเพิ่มขึ้นของนโยบายปกป้องผลประโยชน์ในประเทศ สร้างความไม่แน่นอนระดับโลก
ส่วนจีนมีสัญญาณแสดงให้เห็นถึงภาวะอ่อนใน-แข็งนอก จากเศรษฐกิจภายในประเทศที่เปราะบาง เห็นได้จากปัญหาสิงค้าคงค้างในภาคอสังหาริมทรัพย์ เงินหยวนที่อ่อนค่า ทำให้กำลังซื้อในประเทศตกต่ำ จนกระทั่งเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะเงินฝืด แต่ในเวทีโลก จีนยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการครองตลาดโลกในสินค้าอุตสาหกรรมก้าวหน้า เช่น แผงโซลาร์เซลล์ และ รถยนต์ไฟฟ้า
ขณะที่ยุโรปซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกนั้น ประเทศหลักมีการเติบโตต่ำกว่า 1% และมีความไม่แน่นอนและความเปราะบางด้านการเมือง และความมั่นคง ทำให้เศรษฐกิจไม่น่าจะพลิกฟื้นได้ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า
สำหรับเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มชะลอตัวจากปีก่อน จากปัญหาความสามารถในการแข่งขัน และแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อภาคธนาคาร นอกจากนี้ นโยบายการค้าของทรัมป์ ยังเป็นความเสี่ยงสำคัญที่จะต้องเตรียมพร้อมรับมือ อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมไทยที่ยังมีความโดดเด่น มี 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ การเกษตร อาหาร และการท่องเที่ยว ครอบคลุมถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์
การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงไม่อาจให้ผลตอบแทนโดดเด่นเหมือนเดิม ในสถานการณ์ที่ดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง และผ่านพ้นช่วงที่ดีที่สุดของหุ้นไปแล้ว ทำให้กลยุทธ์การลงทุนจำเป็นต้องเน้นจัดพอร์ตแบบ Prudent Asset Allocation หรือกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลาย แบบรอบคอบตามระดับความเสี่ยง เพื่อช่วยประคองให้ผ่านความผันผวน
ในประเด็นนี้ นายทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน KKPS ระบุว่า เมื่อคาดการณ์ผลตอบแทนช่วง 5 ปีข้างหน้า หุ้นโลกน่าสนใจกว่าหุ้นไทย จึงแนะนำให้ลดการถือครองหุ้นไทย โดยตลาดหุ้นที่น่าสนใจ ประกอบไปด้วยตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งน่าจะหลุดออกจากภาวะเงินฝืดได้อย่างยั่งยืน และตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม S&P500 Equal Weighted
นอกจากนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะเวลา 3-5 ปี ยังเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากให้อัตราผลตอบแทนที่สูง และช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตในภาวะที่ตลาดกลับมากังวลกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ขณะที่ตราสารหนี้ไทย ที่มีอันดับเครดิต A- ขึ้นไป ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับตราสารหนี้ที่มีอันดับ BBB+ ลงมา นักลงทุนจะต้องเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง (Selective)