ผู้ถือหุ้นเดิม SELIC ใช้สิทธิจองซื้อหุ้น PMC ครบทั้งจำนวน ก่อนเปิดขายนักลงทุนทั่วไป 3 - 5 กันยายนนี้

นายณรงค์ สุวัฒนพิมพ์ รองประธานกรรมการ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีลิค คอร์พ (SELIC) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทย่อย บมจ. พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ (PMC) มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 115.715 ล้านหุ้น คิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 1 บาท เพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) โดยจัดสรรหุ้นจำนวน 34.715 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 9% ของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมด ให้กับผู้ถือหุ้น SELIC เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร (Pre-Emptive Rights) สามารถใช้สิทธิจองซื้อหุ้นในอัตรา 17.5997 หุ้น SELIC ต่อ 1 หุ้น PMC ในราคาหุ้นละ 1.82 บาท ซึ่งเป็นราคาเดียวกับราคาขาย IPO ให้กับประชาชนทั่วไป ช่วงระหว่างวันที่ 29 -30 สิงหาคม และ 2 กันยายนที่ผ่านมา ปรากฏว่า ผู้ถือหุ้น SELIC ใช้สิทธิจองซื้อหุ้น PMC เข้ามาครบทั้งจำนวน เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของ PMC จากการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เพื่อยกระดับขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสติ๊กเกอร์เปล่า (Sticker Label) ในภูมิภาคอาเซียนต่อไป ซึ่งจะส่งผลดีให้กับบริษัทแม่ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกาวอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับการผลิตสติ๊กเกอร์ รวมถึงการเชื่อมโยงลูกค้าซึ่งกันและกัน ช่วยผลักดันการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาวตามมาอีกทางหนึ่ง

ขณะที่นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PMC เสริมว่า บริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ลงทุนขยายกำลังการผลิตสติ๊กเกอร์เพิ่มอีกปีละ 110 ล้านตารางเมตร เป็นปีละ 185 ล้านตารางเมตร ก้าวขึ้นเป็น Top 3 ของประเทศ ภายในไตรมาสแรกปีหน้า รวมถึงขยายศูนย์กระจายสินค้าในภูมิภาคอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม อีกส่วนหนึ่งจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน ที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ และจัดซื้อสินค้า ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงในอนาคต

พร้อมกันนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้น IPO ส่วนที่เหลือ จำนวน 81 ล้านหุ้น ที่จะเปิดขายในวันที่ 3–5 กันยายน ทางผู้ถือหุ้น SELIC ได้ตกลงกันว่าจะไม่ขายหุ้นส่วนที่ไม่ติด Silent Period ทั้งหมดเป็นเวลา 6 เดือนนับตั้งแต่วันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ด้วย