1522 จำนวนผู้เข้าชม |
นายโชษิต เดชวนิชยนุมัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม อัลฟา แคปปิตอล (Siam Alpha Capital) ที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. โปร อินไซด์ (PIS) เปิดเผยผลการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ต่อนักลงทุนที่จังหวัดขอนแก่น, สงขลา และกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 18-19 และ 24 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนทุกจังหวัด สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ในฐานะหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอัจฉริยะที่นำเสนอโซลูชั่นคุณภาพ พร้อมการให้บริการแบบมืออาชีพ สร้างความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจมาโดยตลอด รวมถึงโอกาสการเติบโตทางธุรกิจที่เปิดกว้าง ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ เพื่อยกระดับความอยู่ดีมีสุขของประชาชน ทำให้มีการเปิดประมูลงานใหม่ๆ ต่อเนื่องทุกปี อีกทั้งการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 140 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ยังจะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโต จากฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้น เพิ่มโอกาสในการรับงาน ทั้งงานโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจที่มีมูลค่าสูงขึ้น และการรับงานโครงการภาครัฐและเอกชนในปริมาณที่มากขึ้น ผลักดันให้ผลดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีแผนจะนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ภายในไตรมาสแรกปี 2568
ด้านนางสาวเบญญาภา เฉลิมวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PIS อธิบายถึงขอบเขตการทำธุรกิจของบริษัทฯ ว่า เป็นผู้ให้บริการด้านคำปรึกษา ออกแบบ พัฒนา ติดตั้ง บำรุงรักษา จัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร (ICT Solutions) จาก 3 กลุ่มธุรกิจ กลุ่มแรก เป็นงานระบบรักษาความปลอดภัยทางกายภาพแบบครบวงจร (Physical Security Solution) อาทิ ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ระบบอ่านป้ายทะเบียนรถ กลุ่มที่สอง งานแอปพลิเคชันด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร (ICT Application Solution) และกลุ่มที่ 3 งานบริการระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Integration Services) ครอบคลุมการบริการ จัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
สำหรับโครงสร้างรายได้ หลักๆ มาจากการจำหน่ายและวางระบบแบบเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะโครงการที่มีความซับซ้อนในการดำเนินงาน (Complexity Project) ในสัดส่วน 60-70% รองลงไปเป็นงานบริการและบำรุงดูแลรักษา ในสัดส่วน 30-40% ดังนั้น เงินที่ได้จากการระดมทุนจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการประมูลงานเพิ่มมากขึ้นเป็นมากกว่า 2,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่เข้าประมูลงานโครงการมูลค่าสูงสุดในระดับ 500 ล้านบาท
ขณะที่นายนวัช ทัฬหิกรณ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการเงินและบัญชี PIS ให้ข้อมูลถึงผลดำเนินงานของบริษัทฯ ช่วง 3 ปีล่าสุด (ปี 2564-66) ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 87.52 ล้านบาท 18.68 ล้านบาท และ 104.03 ล้านบาท ตามลำดับ โดยการลดลงของกำไรในปี 2565 เกิดจากการเพิ่มบุคลากรด้านการบริหาร เพื่อเตรียมแยกการดำเนินงานออกบริษัทแม่ บมจ. สกาย ไอซีที (SKY) ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับรายได้จากงานโครงการขนาดใหญ่มีปริมาณลดลง ทำให้รายได้รวมลดลงเล็กน้อยจาก 674.61 ล้านบาท มาอยู่ที่ 642.61 ล้านบาท ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 12.97% เหลือ 2.91%
ส่วนการเพิ่มขึ้นในปี 2566 มีผลจากการได้งานโครงการขนาดใหญ่หลายงาน ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 67% มาอยู่ที่ 1,075.18 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนในการดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มจาก 2.91% เป็น 9.68% ขณะที่ผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวม 988.97 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 67.88 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ทั้งปี 2567 จะเติบโตตามแผนงานที่วางไว้ อานิสงค์จากการที่หน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ ทยอยเปิดประมูลโครงการอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ สามารถรับงานโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีงานในมือ (Backlog) กว่า 2,100 ล้านบาท ทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่องช่วง 5 ปีนี้ ทำให้เชื่อว่า จะเห็นผลดำเนินงานช่วง 3 ปีนี้ เติบโตอย่างก้าวกระโดด สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น