SENA ยกระดับการร่วมทุนกับพันธมิตรญึ่ปุ่น เพิ่มศักยภาพธุรกิจระยะยาว แม้ภาพระยะสั้นจะกระทบจากอัตราปฏิเสธสินเชื่อที่สูงระดับ 60-70%

ผศ. ดร. เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมปรับลดจำนวนการเปิดโครงการใหม่เหลือ 13 โครงการ จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ 17 โครงการ และกำลังอยู่ในระหว่างทบทวนปรับลดเป้าหมายยอดขายที่วางไว้ 17,500 ล้านบาท และยอดโอนที่ระดับ 12,500 ล้านบาท เนื่องจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่อ่อนแอ อีกทั้งสถาบันการเงินยังคงคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น สังเกตได้จากยอดปฎิเสธสินเชื่อที่ยังสูงถึง 60-70%

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ประเมินว่า แนวโน้มผลดำเนินงานครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก ผลจากการรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน (Backlog) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 7,000 ล้านบาท ในปีนี้ราว 3,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีหน้า หนุนด้วยโอกาสลดดอกเบี้ยในครึ่งปีหลัง และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ ของรัฐบาล ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุน และการจับจ่ายใช้สอยให้คึกคักมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เน้นการร่วมทุน (Joint Venture) กับพันธมิตร กลุ่มฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ (HHP) ซึ่งตลอด 5 ปีที่ร่วมมือกัน มีการเปิดตัวโครงการรวม 66 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 83,000 ล้านบาท และพร้อมยกระด้บความร่วมมือจากเดิมที่พัฒนาแบบรายโครงการ ไปสู่การการพัฒนาโครงการหลายโครงการพร้อมกัน ครอบคลุมทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง ผ่านการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ ชื่อ บริษัท เสนา เอชเอชพี ด้วยทุนจดทะเบียน 422 ล้านบาท เพราะจะช่วยให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งความมั่นคงด้านเงินทุน (Financial)  ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น (Credibility) และการยกระดับการทำงานให้รวดเร็ว และยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ( Efficiency) 

เบื้องต้น บริษัทร่วมทุนใหม่นี้ มีแผนจะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในปีนี้ รวม 4 โครงการ นำร่องด้วยโครงการอ่อนนุช มูลค่าราว 1,800 ล้านบาท และโครงการคู้บอน มูลค่าราว 1,400 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 2 โครงการ คาดว่า จะทยอยเปิดตัวในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ 

ตอกย้ำถึงการร่วมเดินหน้าธุรกิจ พร้อมเป็นพันธมิตรในระยะยาว แม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ท้ าทายจากปัจจัยลบ 

ด้านนายมาซะฮิโกะ โทดะ กรรมการบริหาร HHP เสริมว่า การยกระดับการร่วมทุนครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน และยังตอกย้ำให้เห็นถึงความมั่นใจระหว่าง 2 องค์กร ที่มีแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกัน สามารถผนึกจุดแข็งของแต่ละฝ่ายได้อย่างลงตัว เพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ และมุ่งมั่นจะนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ที่ได้จากญี่ปุ่นมาปรับใช้ให้เข้ากับคนไทย และกระแสลดโลกร้อนอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นบ้านประหยัดพลังงาน (ZEH) หรือ Condo Low-Carbon ซึ่งจะยกระดับความสำเร็จให้กับทั้ง 2 องค์กรในระยะยาว