1318 จำนวนผู้เข้าชม |
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร พร้อมด้วยนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) ซี่งทำธุรกิจโฮลดิ้ง (Holding Company) โดยเน้นลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัทร่วมทุน สยาม พาวเวอร์ (SP) เพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ภายในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เพื่อขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ทั้งโครงการสยาม พาวเวอร์ หนองสาหร่าย (SPNS) โรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ นากลาง (SPNK) มีกำลังการผลิตติดตั้งเท่ากันที่ 9.9 เมกะวัตต์ (MW)ซึ่งได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับภาครัฐแล้วแห่งละ 8.0 MW พร้อมเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 3 นี้ และมีแผนจะพัฒนาโครงการเพิ่มอีก 4 โครงการ ประกอบด้วย SP4-SP7
สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทฯ เอง ยังคงเดินหน้าตามแผน ไม่ว่าจะเป็นโครงการในหรือต่างประเทศ โดยโครงการในประเทศ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 110 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ทั้ง 7 แห่ง ได้แก่ CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG กำลังการผลิตติดตั้งรวม 80.7 MW และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว กำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 MW จากทั้งหมด 29.3 MW ยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติ แต่บริษัทฯ จะมุ่งเน้นควบคุมบริหารเชื้อเพลิงและต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า และเทคโนโลยีการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ส่วนโครงการต่างประเทศ การลงทุนในกัมพูชา ยังรอการอนุมัติใบอนุญาต แต่บริษัทฯ ตั้งเป้ากำลังการผลิตจากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ประมาณ 180-200 MW และโครงการพลังงานลม ประมาณ 50-100 MW ขณะที่โครงการใน สปป.ลาว มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เริ่มก่อสร้างงานโครงสร้างแล้ว และมีข่าวดีเพิ่มเข้ามา เมื่อราคาแผงโซลาร์เซลล์ปัจจุบันถูกลง เนื่องจากมีผู้ขายในตลาดมากขึ้น อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าได้สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินโครงการ สนับสนุนให้รายได้จากการดำเนินงานสูงขึ้น ก่อนเติบโตก้าวกระโดด ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป เมื่อบริษัทฯ สามารถขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 500 MW แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าในประเทศ 150 MW และโครงการต่างประเทศ 350 MW