SCBX กำไรไตรมาสแรกและครึ่งปีแรกต่ำคาด หลากหลายปัจจัยลบกดดัน ทั้งตั้งสำรองเพิ่ม เลิกกิจการ Robinhood

บมจ. เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 1.0 หมื่นล้านบาท ลดลง 11.2% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และลดลง 15.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ต่ำกว่าที่ตลาดคาด สาเหตุจากประการแรก มีค่าใช้จ่ายครั้งเดียวที่เกิดจากการยุติการให้บริการแอปพลิเคชันโรบินฮู้ด (Robinhood) มูลค่า 0.8 พันล้านบาท ประการที่สอง มีการกันสำรองสำหรับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่รายหนึ่งเพิ่ม ซึ่งตลาดมีการคาดหมายกันว่าจะเป็น บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และประการสุดท้าย รายได้จากการลงทุนและการค้าที่อ่อนแอ โดยลดลง 66.9% QoQ และ 84.5% YoY เช่นเดียวกับรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่ลดลง 5% QoQ และ 21% YoY

อย่างไรก็ตาม รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิกลับเพิ่มขึ้น 2.6% QoQ และ 5.8% YoY หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่เพิ่มขึ้น 7 bps QoQ และ 20 bps YoY มาอยู่ที่ 3.6% และการขยายสินเชื่อตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในอัตรา 0.5% โดยเพิ่มความระมัดระวังในการให้สินเชื่อใหม่ และมุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ ควบคู่ไปกับการขายและตัดจำหน่ายหนี้เสีย (NPLs) ทำให้อัตราส่วนหนี้เสีย (NPLs Ratio) ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสแรก มาอยู่ที่ 3.34% ขณะที่อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (Coverage ratio) ยังอยู่ในระดับสูงที่ 161.7%  

แรงกดดันที่เกิดจากหลายปัจจัยในไตรมาส 2 ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2.12 หมื่นล้านบาท ลดลง 6.9% YoY และมีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ 18.8% ในจำนวนนี้เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 17.6% สูงกว่าเกณฑ์ 12% ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้

ถึงแม้ผลดำเนินงานครึ่งปีแรกของ SCBX จะค่อนไปทางขอบล่างของเป้าหมายธุรกิจทั้งปีที่ตั้งไว้ แต่นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยืนยันว่า พร้อมเดินหน้าผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ยกเว้นกรณีเดียว คือ ภาวะเศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวในอัตราต่ำ อาจส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการขยายสินเชื่อ เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ รวมถึงการตั้งสำรองให้ปรับเปลี่ยนไปจากเดิมได้ ทำให้บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น เพื่อบริหารสมดุลทางการเงิน และเป้าหมายให้มีความเหมาะสมตามสภาพแวดล้อมแทน