VBYOND ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 230 ล้านหุ้น มุ่งสู่ผู้นำ Prop Tech ครบวงจรรายแรกของประเทศ

นายสัมฤทธิ์ชัย ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พาย แอ๊ดไวเซอรี่ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ (VBYOND) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 230 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 27.71% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในครึ่งหลังปีนี้

สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุน เพื่อนำเงินทุนไปใช้ขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ เช่น การนำเงินไปวางมัดจำเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิการบริหารการขาย หรือใช้พัฒนาโครงการประเภทบ้านมือสอง รวมถึงนำมาใช้เป็นเงินทุนพัฒนาเทคโนโลยีในการให้บริการช่องทางออนไลน์ และระบบปฏิบัติการ และกันไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และต่อยอดความสำเร็จเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำ Property Technology Company (Prop Tech) ในอนาคต

ทั้งนี้ VBYOND ดำเนินธุรกิจนายหน้า ตัวแทนในกิจการและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องผ่านช่องทางออนไลน์ เว้นแต่ธุรกิจประกันภัย รวมถึงการหาสมาชิกให้สมาคมและการค้าหลักทรัพย์ โดยให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มลูกค้าที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร (One Stop Service) ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น การให้บริการนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ การให้บริการนายหน้าในการจัดหาผู้รับเหมา เพื่อออกแบบ ซ่อมแซม ก่อสร้างและตกแต่งภายใน นายหน้าด้านการให้บริการเช่าอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านมือสองเพื่อขาย

ด้านนายวรเดช รุกขพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร VBYOND เสริมว่า สามารถแบ่งขอบเขตการทำธุรกิจของบริษัทฯ ได้เป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นธุรกิจนายหน้า ตัวแทนในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และบริการจัดหาผู้รับเหมา เพื่อออกแบบ ซ่อมแซม ก่อสร้าง หรือตกแต่งภายใน กลุ่มที่สองเป็นธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสุดท้ายเป็นธุรกิจลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำมาขายต่อ ภายใต้วิสัยทัศน์การเติบโตเป็น Prop Tech ซึ่งเป็นรูปแบบที่นำสินค้าอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภทมารวมไว้ใน platform เดียว สามารถตอบทุกความต้องการเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ทั้งซื้อ ขาย เช่า ซ่อม สร้าง ตกแต่ง และลงทุน พร้อมนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจผู้บริโภค ด้วยระบบค้นหาตัวตนอัจฉริยะ เพื่อต่อยอดธุรกิจให้มีการเติบโตไปสู่เป้าหมายการเป็น Global Business ในอนาคต

สำหรับผลดำเนินงาน 3 ปีล่าสุด (ปี 2564-66) บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้รวมเพิ่มจาก 194.19 ล้านบาท เป็น 217.67 ล้านบาท และ 303.86 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิขยายตัวจาก 27.07 ล้านบาท มาเป็น 58.55 ล้านบาท และ 112.03 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิที่ 13.94% 26.88% และ 36.87% ตามลำดับ ผลจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการเติบโตของรายได้กลุ่มธุรกิจนายหน้า และการขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อย่างในปี 2564 เริ่มทำธุรกิจนายหน้าจัดหาผู้รับเหมา ปี 2565 เริ่มทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มือสองเพื่อขาย