ปรับเป้า WHA ขึ้นมาที่ 6.30 บาท หลังกำไรปีนี้ และปีหน้า ส่อเค้าทำ New High 4 ปีติดต่อกัน

หลังจากนางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) นำทีมผู้บริหารในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหรรม กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค และกลุ่มธุรกิจดิจิทัล ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสำเร็จในครึ่งปีแรก สรุปประเด็นได้ว่า ทำผลงานได้ดีเกินคาด โดยธุรกิจสาธารณูปโภค และโลจิสติกส์ เติบโตตามเป้าหมาย ส่วนธุรกิจให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร ผ่าน Mobilix ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,000 คัน จึงมีความท้าทายในการส่งมอบรถให้กับลูกค้า

สำหรับเป้าหมายในครึ่งปีหลัง กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ตั้งเป้ามีพื้นที่เช่าสุทธิเพิ่ม 200,000 ตารางเมตร และมีแผนขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (WHAIR) เพิ่มในไตรมาสสุดท้ายตามปกติ คิดเป็นมูลค่าราว 1,065 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค ตั้งเป้ายอดขายน้ำรวมที่ 178 ล้านลูกบาศก์ลิตร และตั้งเป้าเซ็นสัญญาขายไฟฟ้าที่ 1,000 เมกะวัตต์ (MW) เน้นไปที่โซลาร์เซลล์เป็นหลัก ซึ่งจะขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งมีแผนจะขายไฟฟ้าตรงให้กับลูกค้า หากภาครัฐอนุญาตให้ทำสัญญาประเภท Direct PPA ซึ่งคาดว่าจะทำได้ตามเป้า

ส่วนธุรกิจดิจิทัล ยังคงเดินหน้าพัฒนาเพื่อส่งเสริมศักยภาพของทั้งกลุ่ม WHA เพื่อสร้างรายได้จากการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการก้าวเป็น Technology Company ในปีนี้ ก่อนยกระดับสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Tech-Driven Organization) ในปีหน้า

แต่ไฮไลท์ คือ การปรับเป้ายอดขายที่ดินเพิ่มเป็น 2,500 ไร่ ซึ่งเป็นการปรับครั้งที่ 2 หลังจากที่ปรับครั้งแรก จาก 2,275 ไร่ เป็น 2,400 ไร่ มีผลจากการเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหญ่แล้ว 1 ราย คิดเป็นพื้นที่ 400 ไร่ ในเดือนสิงหาคม และกำลังอยู่ในระหว่างเจรจาการขายอีกกว่า 600 ไร่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปช่วงปลายปี ทำให้ยอดขายกว่า 90% มาจากไทย ซึ่งได้รับผลดีจากการย้ายฐานการผลิตออกมาจากจีน

สิ่งที่น่าสนใจอีกประการ คือ การแถลงว่าจะเข้าลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยการสร้างคอนโดมีเนียมขายในนิคม ซึ่งจะเริ่มที่นิคมอีสเทิร์น ซีบอร์ด 5 ก่อนเป็นแห่งแรก เพื่อสอดคล้องกับการสำรวจความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะจากจีน ที่มีความต้องการพักอาศัยในบริเวณที่ใกล้เคียงกับโรงงาน พร้อมเริ่มขายในปีหน้า รับรู้เป็นรายได้ช่วงปลายปี ต่อเนื่องต้นปี 2569

การเติบโตของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ข้างต้น ทำให้ผู้บริหาร WHA มั่นใจว่า จะเห็นผลดำเนินงานปีนี้เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยคาดหมายรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรของกลุ่ม WHA จะทะลุ 15,000 ล้านบาท ส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจัดหน่าย (EBITDA) สูงกว่า 50% หนุนจากราคาขายที่ดินที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17-18% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น

มุมมองของผู้บริหาร WHA ได้รับการตีความจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ 17 สำนัก ว่า มีความเป็นไปได้สูง ส่วนหนึ่งเกิดจากความต้องการย้ายฐานการผลิตมาไทย โดยเฉพาะจากนักลงทุนจีน ยังคงมีสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อีกทั้งการส่งเสริมจากภาครัฐในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และมาตรการส่งเสริมการลงทุนไทยที่จูงใจ ทำให้นักลงทุนจีนในอุตสาหกรรมยานยนต์ ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค และอิเล็กทรอนิกส์ หันมาใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนที่มีปริมาณสูงขึ้นเป็นลำดับ อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในทุกด้าน

ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า รายได้จากการขายที่ดินช่วง 2 ปีนี้ จะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง ถึงแม้ยอดจองซื้อที่ดินจะลดลงจาก 2,767 ไร่ ในปีก่อน เหลือ 2,500 ไร่ แต่ได้อานิสงค์จากราคาที่ดินเฉลี่ยต่อไร่ที่สูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า รวมถึงการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHAIR ในเดือนธันวาคม ผลักดันให้ผลดำเนินงานขยายตัวสูงขึ้น ทั้งด้านรายได้ และกำไร ทั้งในปีนี้และปีหน้า ทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ติดต่อกัน 4 ปี  โดยเสียงส่วนใหญ่ประเมินกำไรปีนี้ที่ระดับ 4.7-4.8 พันล้านบาท และปีหน้าที่ระดับ 5.5-5.6 พันล้านบาท คิดเป็นราคาเหมาะสมเฉลี่ยที่ 6.30 บาท 

ขณะที่การขยายการลงทุนไปยังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นปัจจัยบวกใหม่ เพราะมีความต้องการอยู่แล้ว และหากประสบความสำเร็จ ก็มีโอกาสที่จะขยายไปยังนิคมอุตสาหรรมอื่นๆ ได้อีก เริ่มเห็นผลตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป