3123 จำนวนผู้เข้าชม |
นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือกองทรัสต์ WHART เปิดเผยว่า หลังจากกองทรัสต์ WHART มีแผนลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม มูลค่าไม่เกิน 3,566.49 ล้านบาท ด้วยการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 195.90 ล้านหน่วย ให้กับผู้ถือหน่วยเดิม และประชาชนทั่วไป ภายในเดือนธันวาคมนี้
ในเบื้องต้น กองทรัสต์ WHART พร้อมเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่ได้รับสิทธิ สามารถจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนในสัดส่วน 1 หน่วยเดิม ต่อ 0.0598 หน่วยเพิ่มทุน ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 4 ธันวาคม และ 6 - 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อได้ระหว่างวันที่ 13 -15 และ 18 ธันวาคมนี้ ที่ราคาเสนอขายสุดท้าย หน่วยละ 9.60 บาท ผ่านธนาคาร และผู้จัดจำหน่ายอีก 3 ราย ได้แก่ บมจ. ธนาคารกรุงไทย (KTB) บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ประเทศไทย (MST) และ บมจ. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT)
ส่วนนายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ KBANK เสริมว่า การเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนในช่วงนี้ ถือเป็นจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมกับสภาพตลาด เพราะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะหยุดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกอง REIT ในระยะต่อไป และเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ผู้จัดการกองทุน รวมถึงผู้บริหาร ความมั่งคั่ง (Wealth) ในกลุ่ม KBANK แนะนำให้ลงทุน เพื่อรับผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ
ยิ่ง WHART เป็นผู้นำกองทรัสต์กลุ่มคลังสินค้าและอุตสาหกรรม มีศักยภาพในการเติบโตด้วยทรัพย์สินที่แข็งแกร่ง มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี มีประวัติการจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่ก่อตั้งกองทรัสต์ขึ้นมา ทำให้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก ทริส เรตติ้ง ในระดับ A ทำให้สามารถการันตีเรื่องความสามารถในการหารายได้ และจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
สำหรับกระแสตอบรับจากกลุ่มผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม ทั้งนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนทั่วไป มีการแจ้งความจำนงใช้สิทธิจองซื้ออย่างล้นหลาม สะท้อนความเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำกองทรัสต์ประเภทอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีผลดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในอัตราที่มั่นคงตลอดเวลา และแผนระดมทุนเพื่อลงทุนในทรัพย์สินใหม่ 3 โครงการคุณภาพ บนทำเลโลจิสติกส์โซนบางนา - ตราด และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะทำให้กองทรัสต์มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น และคาดจะจ่ายประโยชน์ตอบแทนเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ (WHART) ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ WHART เปิดเผยว่า กองทรัสต์ได้มีการโอนสินทรัพย์ จำนวน 3 โครงการ พื้นที่เช่ารวม 142,896 ตารางเมตร ประกอบด้วย โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21 เป็นคลังสินค้ารูปแบบ Built-to-Suit และ General Warehouse โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง โปรเจค 1 เป็นคลังสินค้ารูปแบบ General Warehouse และโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม. 23 โปรเจค 3 เป็นคลังสินค้าและโรงงานแบบ General Warehouse เข้าพอร์ตเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้กองทรัสต์ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมแตะ 55,000 ล้านบาท ด้วยขนาดพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มเป็น 1.89 ล้านตารางเมตร และพื้นที่เช่าหลังคา 487,243.29 ตารางเมตร สามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่นักลงทุน เนื่องจากทุกโครงการที่ลงทุน ตั้งอยู่บนทำเลโลจิกติกส์ที่สำคัญของประเทศ อย่าง บางนา-ตราด และ EEC มีกลุ่มผู้เช่าที่มีความมั่นคง มีศักยภาพในการเติบโต ส่งผลให้กองทรัสต์ มีการรับรู้รายได้จากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น พร้อมจ่ายผลตอบแทนสูงขึ้นตามไปด้วย
โดยในระยะสั้น เชื่อมั่นว่า จะสามารถจ่ายประโยชน์ตอบแทนสำหรับงวดบัญชีปี 2567 ในอัตราหน่วยละ 0.79 บาท ตามที่ได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) ราว 8.23% ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนได้เป็นอย่างดี
และล่าสุด หน่วยทรัสต์เพิ่มทุนของ WHART ได้เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา