MASTER เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 46 บาท เปิดจอง 17-19 ม.ค. นี้ ก่อนเข้าซื้อขายวันแรก 25 ม.ค.

2960 จำนวนผู้เข้าชม  | 

MASTER เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 46 บาท เปิดจอง 17-19 ม.ค. นี้ ก่อนเข้าซื้อขายวันแรก 25 ม.ค.


นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER) ร่วม เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก  (IPO) จำนวน 65 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 27.08% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นละ 46 บาท ระหว่างวันที่ 17-19 มกราคมศกนี้ ผ่านบริษัทฯ และบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า ประเทศไทย (YUANTA) ที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม และผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 6 แห่ง ประกอบด้วย บมจ. หลักทรัพย์ฟิลลิป ประเทศไทย (PLS) บมจ. หลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย (KGI) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง (KTX) บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก (GBX) บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ (TNITY) และบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ประเทศไทย (CGS-CIMBS) คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) วันที่ 25 มกราคมที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ การกำหนดราคา IPO ที่ 46 บาท ใช้วิธีประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (Price to Earnings Ratio : P/E) คำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลดำเนินงานช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564  ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565  ซึ่ง MASTER มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 299.61 ล้านบาท และมีจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังเสนอขายต่อประชาชนครั้งนี้จำนวน 240 ล้านหุ้น (Fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นประมาณ 1.25 บาหรือคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเท่ากับ 36.85 เท่า ถือเป็นราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน

"MASTER เป็นหุ้นในกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจ มีการตั้งราคา IPO ที่เหมาะสม สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากการเป็นผู้นำด้านศัลยกรรมความงามครบวงจรของไทย และผลประกอบการที่โดดเด่น ทั้งในแง่รายได้และความสามารถในการทำกำไร รวมถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคตจากการลงทุนขยายจำนวนห้องผ่าตัด เตียงผ่าตัด และเตียงพักฟื้นอีกกว่าเท่าตัวจากปัจจุบัน จึงมั่นใจว่า MASTER จะเป็นหุ้นที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน" นายสมภพ ยืนยัน

ด้านนายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ YUANTA ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ MASTER ร่วม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ถึงแม้หุ้นที่เสนอขาย IPO ครั้งนี้ จะแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 20.83% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย In Glory Investments Limited (ที่มีนายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด) อีก 15 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 6.25% ทำให้มีหุ้นที่ไม่ติด Silent จำนวน 31.125 ล้านหุ้น  แต่มีคำยืนยันจากผู้บริหาร และครอบครัวมาศฉมาดล ว่าจะมีการจำกัดการขายภายในระยะเวลา 6 เดือน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอดความสำเร็จของ MASTER ไปพร้อมกัน

 



ส่วนนายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER เสริมว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของบริษัทฯ ที่จะยกระดับโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมให้มีความสมบูรณ์แบบ และครบวงจร สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการทำให้ตัวเองดูดีขึ้น จนเกิดเป็นการบอกต่อ และได้รับความเชื่อมั่นจากคุณภาพและบริการที่ประทับใจในวงกว้างมากขึ้น นับจากที่เริ่มต้นธุรกิจมาได้ 9 ปี

"มาสเตอร์ สไตล์ ให้บริการโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมเสริมความงาม ภายใต้ชื่อโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ซึ่งมีเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำศัลยกรรมเสริมความงามครบวงจรของไทย การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจ เพิ่มโอกาสการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต และสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นอย่างมั่นคงในระยะยาว เพราะบริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรเงินทุนสำรองต่างๆ" นายแพทย์ระวีวัฒน์ ย้ำจุดยืนในการทำธุรกิจ

ขณะที่นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER กล่าวเสริมถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจว่า สามารถพิสูจน์ได้จากการเติบโตของรายได้และกำไรที่มีพัฒนาการเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบธุรกิจโรงพยาบาลย้อนหลัง 3 ปีก่อนหน้านี้ (ปี 2562-64) และงวด 9 เดือนปีที่ผ่านมา ที่ 414.03 ล้านบาท, 611.06 ล้านบาท, 659.51 ล้านบาท และ 1,011.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 47.6%, 7.9% และ 134.0% ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 61.25 ล้านบาท, 128.55 ล้านบาท, 162.80 ล้านบาท และ 222.22 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 14.7%, 20.9%, 23.6% และ 21.9% ตามลำดับ

และเพื่อผลักดันการเติบโตทางธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน บริษัทฯ พร้อมนำเงินที่จะได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ลงทุนปรับปรุงอาคารและห้องผ่าตัดบนพื้นที่โรงพยาบาลเดิม รวมถึงจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการศัลยกรรม (Surgery), การปลูกผมและดูแลเส้นผม (Hair), การบริการดูแลผิวพรรณและเลเซอร์ (Skin) รวมถึงใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับก่อสร้างและปรับปรุงอาคาร เพื่อขยายพื้นที่ศูนย์บริการ เช่น ศูนย์ดูแลเส้นผม ศูนย์ดูดไขมัน ศูนย์ตา และศูนย์สุขภาพชาย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก และสำนักงาน รวมถึงเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน สอดคล้องกับแผนการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต 

ในเบื้องต้น การลงทุนขยายจำนวนห้องผ่าตัด เตียงผ่าตัด และเตียงพักฟื้นอีกกว่าเท่าตัว คาดจะพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในเดือนพฤษภาคม หรือเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ช่วยเติมเต็มการให้บริการให้สามารถตอบความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น และสนับสนุนให้รายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้