AURORA ลุยธุรกิจขายฝากทองและอัญมณีมีค่า ต่อยอดแบรนด์ “ทองมาเงินไป” ตั้งเป้าขยายพอร์ตลูกหนี้ 2.8 พันล้านบาท

3067 จำนวนผู้เข้าชม  | 

AURORA ลุยธุรกิจขายฝากทองและอัญมณีมีค่า ต่อยอดแบรนด์ “ทองมาเงินไป” ตั้งเป้าขยายพอร์ตลูกหนี้ 2.8 พันล้านบาท

นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บมจ. ออโรร่า ดีไซน์ (AURA) ซึ่งทำธุรกิจ 2 กลุ่มหลัก คือ ธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับ ของขวัญที่ทำจากทองคำและเครื่องประดับเพชร กับธุรกิจขายฝากทองรูปพรรณ และเครื่องประดับที่มีทองคำและเพชรเป็นส่วนประกอบ ผ่านผลิตภัณฑ์ 5 แบรนด์ ได้แก่ AURORA, เซ่งเฮง, ทองมาเงินไป, ของขวัญ by AURORA และ AURORA Diamond เปิดเผยแผนงานปีหน้าว่า พร้อมเดินหน้าขยายสาขาเพิ่ม 65 แห่ง ก่อนขยายเพิ่มเป็น 409 สาขา ภายในปี 2567 เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายการเป็น "ห้างค้าทอง Top of mind ที่ 1 ในใจของคนรุ่นใหม่" ที่สามารถสร้างความพึงพอใจในสินค้าให้กับลูกค้า ทั้งในรูปแบบดีไซน์ ความสวยงาม การบริการทั้งก่อนและหลังการขาย รวมถึงขยายพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์สินค้า เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น โดยฉีกกรอบจากร้านทองสไตล์ ครอบครัว สู่ห้างทองเทรนดี้ดีไซน์ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ 

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะมุ่งเน้นธุรกิจขายฝากทองคำและอัญมณีมีค่ามากขึ้น หลังจากเห็นผลสำเร็จจากแบรนด์ "ทองมาเงินไป" ที่เริ่มต้นอย่างจริงจังในปี 2562 จากแนวคิดที่ต้องการช่วยเหลือลูกค้าให้เข้าถึงแหล่งเงินได้ง่าย ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมอย่างถูกกฎหมาย และสะดวกยิ่งขึ้น เพราะกระแสตอบรับจากการเปิดให้บริการมากว่า 3 ปี เห็นได้ชัดว่าบริการนี้มีแนวโน้มที่ดี รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 45% และมียอดผู้ใช้บริการมากกว่า 130,000 คน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คนในวงกว้าง ทำให้เกิดภาวะสูญญากาศทางการเงินแบบฉับพลัน หลายคนรายได้ลดลงแต่รายจ่ายเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น จึงทำให้บริการขายฝาก "ทองมาเงินไป" กลายเป็นทางออกให้กับกลุ่มคนที่มีปัญหาทางการเงิน ด้วยจุดเด่นกับแนวคิดในการให้บริการที่ชัดเจน ทั้งให้วงเงินสูง ไม่ต้องมีคนค้ำ รับเงินสดได้ทันที ดอกเบี้ยต่ำเพียง 1.25% ต่อเดือน และการมีสาขาให้บริการมากกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ ทำให้ "ทองมาเงินไป" ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากลูกค้าอย่างรวดเร็ว กลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีทรัพย์สินเป็นทองคำ และต้องการเปลี่ยนเป็นเงินสด

นอกจากนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าสูงสุด และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล AURORA ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน “ทองมาเงินไป” ให้เป็นช่องทางใหม่ในการรับบริการชำระดอกเบี้ย, เช็คสถานะสัญญาขายฝากทองได้ทุกที่และทุกเวลา, ชำระอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสัญญา, เช็คราคารับขายฝากทองแบบเรียลไทม์, ค้นหาห้างเพชรทองออโรร่า และทองมาเงินไปสาขาใกล้เคียง พร้อมกับรับรู้ข้อมูลข่าวสาร โปรโมชันเด่นๆ สำหรับผู้ใช้บริการที่หลากหลาย รวมถึงแจ้งเตือนลูกค้าสำหรับสัญญาที่จะหมดอายุ เพื่อป้องกันทรัพย์สินหลุดขายฝาก (Notification Alert) ซึ่งเป็นบริการที่ทำให้ การขายฝากทองคำง่ายและสะดวกขึ้น เพราะลูกค้าสามารถชำระดอกเบี้ยได้โดยไม่ต้องมาที่สาขา

 



อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ แบรนด์ “ทองมาเงินไป” เติบโตอย่างก้าวกระโดดคือ การมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ร่วมกับร้าน CJ MORE พัฒนาโมเดลการขยายธุรกิจ รวมถึงจับมือ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) พัฒนาเทคโนโลยีการชำระเงิน และล่าสุด ได้ร่วมมือกับ LINE BK ซึ่งมีฐานลูกค้ากว่า 5 ล้านราย ออกโปรโมชั่นส่งมอบความพิเศษให้ กับผู้ใช้งาน LINE BK ผ่านทาง LINE Official Account โดยเมื่อผู้ใช้งานได้รับข้อความ และเข้าใช้บริการขายฝากทองคำที่ห้างเพชรทองออโรร่าในห้างทุกสาขา หรือร้านทองมาเงินไปในชุมชนใกล้บ้าน ภายใน 120 วัน จะได้รับวงเงินพิเศษเพิ่ม 2% จากราคาขายฝาก เริ่มตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ตุลาคมปีหน้า ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดี เพราะมีกลุ่มลูกค้าของ LINE BK ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก 

นอกจากนี้ “ทองมาเงินไป” ยังอยู่ในช่วงการเจรจากับพันธมิตรรายอื่น เพื่อหาแนวทางทำธุรกิจร่วมกัน ที่สามารถสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าเป็นโจทย์หลัก

"เราเชื่อว่า กลยุทธ์ Customer centric ที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นสำคัญ พัฒนาบริการทุกด้าน เพิ่มความแข็งแกร่งเรื่องบริการให้กับพนักงานประจำสาขา เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กั บลูกค้า รวมถึงพัฒนาช่องทางการให้บริการอย่างครอบคลุมเข้าถึงทุกกลุ่ มลูกค้า โดยเน้นขยายสาขาให้เข้าถึงแหล่งชุมชนมากขึ้น จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และผลักดันให้ธุรกิจของเราเติบโตตามไปด้วย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด AURA สรุปประเด็น 

ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุน และสร้างรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้การเปิดสาขาถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 6-12 เดือน

ในเบื้องต้น บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตปีหน้า 10% พร้อมขยายพอร์ตลูกหนี้ขายฝากของ "ทองมาเงินไป" ให้เติบโตมากกว่า 2,800 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นว่า จะทำได้อย่างแน่นอน เพราะปัจจุบัน บริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาดในตลาดขายฝากทองราว 2-3% จากจำนวนสาขาที่มี 266 แห่ง จากจำนวนสาขาที่เปิดให้บริการขายฝากทองกว่า 9,000 สาขา ทำให้ตลาดนี้ยังมีศักยภาพการเติบโตได้อีกมาก

 



ยิ่งไปกว่านั้น จากการเก็บสถิติลูกค้าที่มาใช้ บริการ พบว่า กลุ่มลูกค้าหลักของ “ทองมาเงินไป” ส่วนใหญ่จะเป็นเพศหญิง กว่า 90% เป็นกลุ่มคนวัยทำงาน อายุระหว่าง 28-45 ปี มีอาชีพรับจ้างทั่วไป พ่อค้าแม่ขาย อาชีพอิสระ ส่วนที่เหลือจะเป็นกลุ่มพนักงาน หรือลูกจ้างเอกชน ที่มีทรัพย์เป็นทองคำ และต้องการเปลี่ยนทองคำเป็นเงินสด เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินชั่วคราว หรือต่อยอดธุรกิจ โดยลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการสูงสุดช่วงเดือนมีนาคม พฤษภาคม และตุลาคม เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเทอมใหม่ ซึ่งผู้ปกครองมีความต้องการใช้เงินสูงกว่าปกติ 

ที่สำคัญ กลุ่มลูกค้าขายฝากที่ทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันจะมีรอบการต่อดอกเบี้ยยาวนานที่สุด ถือเป็นจุดเด่นและข้อได้เปรียบของบริษัทฯ ที่จะนำไปพัฒนาและต่อยอดบริการอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต  

"ความท้าทายในธุรกิจนี้ คือ ต้องปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ พร้อมพัฒนาบริการและปรับตัวอยู่เสมอ ทั้งยังต้องมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ มาเสริมให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน และในฐานะของทายาทรุ่นที่ 3 ถือเป็นความโชคดีที่เรามีโอกาสเรียนรู้จากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเจอวิกฤตต่างๆ ก็จะมีผู้มากประสบการณ์ให้คำปรึ กษา ทำให้แก้ปัญหาได้อย่างดี” นายอนิพัทย์ ทิ้งท้าย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้