2235 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ทิสโก้ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (TISCO) ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1,771 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อ ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 4.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ธุรกิจนายหน้าประกันภัยขยายตัวถึง 44.3% สอดคล้องกับปริมาณสินเชื่อปล่อยใหม่ที่เติบโต ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้น 27.7% อีกทั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 0.2% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เป็นไปตามผลสำเร็จในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนยังคงซบเซา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ที่ลดลง 15.1% จากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานจากธุรกิจจัดการกองทุนอ่อนตัวลง 0.9% จากการกองออกทุนใหม่ที่ลดลง ในสภาวะตลาดทุนไม่เอื้ออำนวย
สำหรับงวด 9 เดือนแรกปีนี้ กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 5,415 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักจากการขยายตัวของสินเชื่อที่ปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะ สินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ค่าธรรมเนียมในธุรกิจนายหน้าประกันภัยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 0.4% ส่วนธุรกิจนายหน้าประกันภัยขยายตัว 25.1% ขณะที่ค่าใช้จ่ายผลขาดทุนด้านเครดิตลดลง 79.2% เช่นเดียวกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย NPL ลดลงมาอยู่ที่ 2.1% และอัตราการตั้งสำรองทางเครดิตยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 248% เพียงพอต่อการรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต
ในส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน ยังคงชะลอตัวเมื่อเทียบกับฐานที่สูงของปีก่อน รวมถึงการรับรู้ผลขาดทุนจากเงินลงทุน จากผลกระทบของภาวะตลาดที่ผันผวน
ขณะที่ฐานะเงินกองทุนล่าสุด TISCO มีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 24.3% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย แบ่งเป็นอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยง ที่ 20.2% และ 4.2% ตามลำดับ
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TISCO ให้ข้อมูลเพิ่มด้วยว่า กลุ่มทิสโก้ยังสามารถดูแลอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) งวด 9 เดือนแรกปีนี้ ให้อยู่ในระดับ 17.6% ขณะที่เงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ ส้ินไตรมาส 3 อยู่ที่ 213,188 ล้านบาท เติบโต 5.0% จากสิ้นปีก่อน ตามการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจสินเชื่อ SMEs และสินเชื่อจำนำทะเบียน โดยเฉพาะการเติบโตของสินเชื่อ "สมหวัง เงินสั่งได้" ที่เพิ่มขึ้น 14.8% จากสิ้นปีก่อน
"การที่เศรษฐกิจไทยช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากแรงหนุนของภาคท่องเที่ยว ส่งผลให้ภาพรวมตลาดแรงงานและการใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวในทิศทางดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ภาคการเกษตรและการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึงมาตรการพยุงการบริโภคของภาครัฐ ส่งผลเชิงบวกต่อการขยายตัวของกลุ่มทิสโก้อย่างมีนัยสำคัญ" นายศักดิ์ชัย ชี้ประเด็น
สำหรับช่วงที่เหลือปีนี้ คาดว่า จะเห็นการเติบโตของสินเชื่อตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อโดยรวมยังคงมีความเปราะบาง จากระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และมีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่กำลังเริ่มฟื้นตัวกลับมา ดังนั้น กลุ่มทิสโก้จะเข้าไปช่วยเติมสภาพคล่องในระบบการเงินให้แก่กลุ่มลูกค้ารายย่อย และผู้ประกอบการขนาดเล็ก ผ่านการขยายสาขาของ "สมหวัง เงินสั่งได้" ที่ตั้งเป้าการเปิดสาขาใหม่เพิ่มจากเป้าหมายเดิมที่ 400 สาขา เป็น 450 สาขา ภายในสิ้นปีนี้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TISCO ย้ำด้วยว่า จะยังคงดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในธุรกิจที่เห็นโอกาส และตอบโจทย์สังคม พร้อมยึดมั่นในนโยบายการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบและรัดกุม ผสมผสานกับการให้คำแนะนำที่ดี และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ลูกค้า รวมถึงช่วยเหลือดูแลลูกค้าในทุกกลุ่มไปพร้อมกัน