ITNS แจงผลงานปีนี้สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผ่านเวที roadshow ก่อนเสนอขาย IPO 70 ล้านหุ้นพร้อม Greeshoe อีก 10 ล้านหุ้น เข้าตลาด mai ปีนี้

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ ด้านตลาดทุน บมจ. หลักทรัพย์ ดาโอ ประเทศไทย (DAOL) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม (ITNS) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนของ ITNS เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย ITNS ได้ยื่นเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น พร้อมขอจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Greenshoe) อีก 10 ล้านหุ้น ที่ราคาพาร์ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วน 31.82% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ภายในไตรมาสสุดท้ายปีนี้

โอกาสนี้ ได้มีการนำเสนอข้อมูล (Roadshow) บริษัทฯ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ให้นักลงทุนได้เข้าใจถึงภาพรวมธุรกิจ แผนดำเนินงาน และแนวทางเพิ่มศักยภาพการเติบโตหลังจากเป็นบริษัทจดทะเบียน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยม จากการเป็นผู้ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร (System Integrator หรือ SI) ครอบคลุม 3 ธุรกิจ ประกอบด้วยการจำหน่าย ออกแบบ และติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมไปถึงการให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาอุปกรณ์ และให้เช่าอุปกรณ์ที่เกี่ยวของกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการพัฒนาระบบสื่อสารให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้มากยิ่งขึ้น   

สำหรับจุดเด่นของ ITNS อยู่ที่การเป็นคู่ค้าระดับ Gold Certified Partner ของซิสโก้ (Cisco) ยักษ์ใหญ่ที่ผลิตและจัดจำหน่ายทั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เครือข่ายและเทคโนโลยีขั้นสูง ช่วยเติมเต็มช่องทางการจำหน่ายสินค้า และมีความแตกต่างจาก SI รายอื่น เพราะมีบริการซ่อมแซ่มและบำรุงรักษา กับบริการให้เช่าอุปกรณ์ที่เกี่ยวของกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งนอกจากจะเป็นรายได้ประเภท Recurring Income แล้ว ยังเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทฯ ได้มากกว่าธุรกิจดั้งเดิมของ SI ทั่วไป ทั้งยังมีทีมงานที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมายาวนานเกือบ 20 ปี ช่วยให้สามารถให้บริการบำรุงรักษาได้ครอบคลุมขอบเขตของงานและระยะเวลาที่ลูกค้าต้องการ จนได้รับการยอมรับจากลูกค้าในระดับประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังปลอดหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย โดยมีสัดส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) ต่ำเพียง 0.56 เท่า ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้ทางการค้า  

ขณะที่นายสมชาย อ่วมกระทุ่ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ITNS ชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ว่า จะนำไปใช้ลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทฯ และขยายธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่มีความต้องการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยี แต่มีข้อจำกัดด้านเงินทุน ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลดำเนินงานในอนาคตให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดความสำเร็จของบริษัทฯ ได้ด้วย 

สำหรับผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี (2562–2564) บริษัทฯ มีรายได้รวม 282.63 ล้านบาท 375.39 ล้านบาท 370.95 ล้านบาท ตามลำดับ แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายอุปกรณ์ และให้บริการติดตั้ง ในสัดส่วน 72–78% ของรายได้รวม รองลงไปเป็นรายได้จากการให้บริการดูแลและบำรุงรักษาระบบภายหลังการขาย ราว 18–25% ของรายได้รวม ขณะที่รายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์ อยู่ที่ 1– 8% ของรายได้รวม ขณะที่กำไรสุทธิย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 21.25 ล้านบาท 28.83 ล้านบาท และ 32.59 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของกำไรมีสาเหตุหลักจากรายได้ที่เติบโตสูงขึ้น ประกอบกับสามารถควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันให้กำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น  

ส่วนรายได้ช่วงครึ่งแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 176.05 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 22.23 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวม 523 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ประมาณ 370 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ คาดว่า จะมีรายได้และกำไรเติบโตสร้างสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ เป็นต้นมา

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเข้าร่วมประมูลงานโครงการอีกจำนวนมากในอนาคต พร้อมทั้งขยายทีมงานเพิ่มขึ้น เพื่อต่อยอด Backlog ให้เพิ่มขึ้น และเตรียมพร้อมรับการขยายงานโครงการในอนาคตอีกด้วย