2091 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำหนดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ไม่เกิน 23% รถยนต์ใหม่ไม่เกิน 10% และรถยนต์มือสองไม่เกิน 15% มีผลบังคับใช้ต้นปีหน้า
ล่าสุด นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ไม่ได้กังวลกับผลกระทบที่จะเกิดจากเกณฑ์การปรับเพดานดอกเบี้ยครั้งนี้ เพราะพอร์ตสินเชื่อปัจจุบัน เน้นไปที่การปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกันมากถึง 80% ส่วนพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่มีเพียง 5% และคิดดอกเบี้ยในอัตรา 23% อยู่แล้ว นอกจากนี้ เพื่อรับมือกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวสูงขึ้นตามแนวโน้มดอกเบี้ยในระบบการเงิน บริษัทฯ ได้มีการระดมทุนผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) และธนาคารซูมิโตโม มิตซุย (SMBC) เป็นวงเงิน 6,200 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เพื่อใช้ขยายธุรกิจเป็นการล่วงหน้าแล้ว
สำหรับภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยบริษัทฯ ยังสามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น ตามความต้องการสินเชื่อที่ขยายตัวดีขึ้น รับการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และฤดูกาลทางการเกษตร ทั้งจากลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ ผ่านการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ภาวะตลาดปัจจุบันจะมีการแข่งขันดุเดือดมากขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคุณภาพหนี้เพื่อควบคุมหนี้เสีย (NPLs) ให้อยู่ภายในกรอบ 2.0- 2.5% ซึ่งเชื่อว่าการฟื้นตัวของกิจกรรมทางการค้าและการลงทุน การเติบโตของการท่องเที่ยว การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะหนุนให้ความสามารถในการผ่อนชำระของลูกหนี้จะอยู่ในระดับที่ดี ส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อรวมปีนี้คาดจะเติบโตจากปีก่อน 30% ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์ เสียงส่วนใหญ่มองบวกเช่นเดียวกับผู้บริหาร MTC ว่า น่าจะได้รับผลกระทบจากเกณฑ์กำหนดเพดานดอกเบี้ยใหม่จำกัด ส่วนพอร์ตสินเชื่อปีนี้น่าจะเติบโตได้ในระดับ 30% แต่ความน่าสนใจในการลงทุน อยู่ที่ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมาลึก
สะไบโตะ (SBITO) คาดกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้า เติบโต 16.5% และ 18.6% จากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ที่เติบโตต่อเนื่อง ตามการขยายสาขา และความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ จากสาขาที่มีกว่า 6.5 พันสาขาทั่วประเทศ ซึ่งสามารถหักล้างกับ spread ของสินเชื่อที่มีแนวโน้มลดลงในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นได้ สำหรับคุณภาพสินทรัพย์แม้จะมีแนวโน้มอ่อนแอลงไปบ้างตามความผันผวนทางเศรษฐกิจ แต่เชื่อมั่นว่าบริษัทฯ สามารถจัดการให้อยู๋ในระดับที่ควบคุมได้
ที่สำคัญ การที่ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีปัจจุบันปรับลดลงกว่า 34% โดยมีค่า P/BV อยู่ในระดับ –2SD จากค่าเฉลี่ย 5 ปี จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เพื่อลงทุนระยะยาว
เช่นเดียวกับอินโนเวสท์ เอ็กซ์ (INNOVESTX) ที่ระบุว่า นโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น และการปรับพอร์ตการปล่อยสินเชื่อมาเน้นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ และสินเชื่อจำนําทะเบียนรถยนต์ในสัดส่วน 31% เท่ากัน อีก 10-11% มาจากสินเชื่อส่วนบุคคล กับสินเชื่อโฉนดที่ดิน เสริมด้วยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ และสินเชื่อรถจักรยานยนต์ใหม่ ในสัดส่วน 5% เท่ากัน ที่เหลือ 4% มาจากสินเชื่อรถแทรกเตอร์ และอีก 2% มาจากสินเชื่อใหม่ ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง ทำให้ยังคงเชื่อมั่นในเป้าการเติบโตของสินเชื่อปีนี้ที่ 32% ใกล้เคียงเป้าหมายที่ผู้บริหารตั้งไว้
อย่างไรก็ตาม การที่ต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง ฉุดให้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (NIM) น่าจะหดตัวลงอีก 80 bps ในปีนี้ และ 27 bps ในปีหน้า ทำให้ปรับประมาณการกําไรปีนี้ของ MTC ลง 2% และ 8% ในปีหน้า พร้อมกับปรับราคาเป้าหมายปีหน้าลงจาก 67 บาท เหลือ 58 บาท อิง P/BV 3.45 เท่า คิดเป็น P/E 18.5 เท่า
แต่ยังคงแนะนำ "ซื้อ" เพราะเชื่อว่า ราคาหุ้นที่ปรับลดลง 11% หลังจากประกาศงบการเงินไตรมาส 2 ได้สะท้อนความกังวลที่สูงขึ้นเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนหนี่งเนื่องจากสินเชื่อที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มักจะเกิดขึ้นพร้อมกับ NPL และ credit cost ที่สูงขึ้นเช่นกัน
ขณะที่สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Concencus) ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยปีหน้าของ MTC ไว้ที่ 52 บาท