1539 จำนวนผู้เข้าชม |
นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) เปิดเผยถึงกลยุทธ์การทำธุรกิจในครึ่งหลังงปีนี้ว่า จะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (Big Change) เพราะกลุ่มบริษัทฯ พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ เช่าซื้อ-ปล่อยสินเชื่อ หรือกัญชง กัญชา ผลักดันให้เห็นรายได้และกำไรเติบโตอย่างโดดเด่น โดยในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ The valor รามอินทรา 62 มูลค่าโครงการ 480 ล้านบาท มีเพียง 23 หลัง คาดว่าเริ่มโอนและรับรู้รายได้ภายในปีนี้ทั้งหมด
ในส่วนธุรกิจเช่าซื้อ-ปล่อยสินเชื่อ ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่ง ALPHAX ถือหุ้น 76.78% ใน บริษัท มหทุน โฮลดิ้ง จำกัด (MHTH) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ. มะหะทุน เช่าสินเชื่อ (MHTL) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รถมือสอง และเครื่องจักรกลการเกษตร ในนครเวียงจันทน์ จะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาเต็มที่ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี
ขณะเดียวกัน เพื่อต่อยอดรายได้และกำไรในอนาคต เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ในเบื้องต้น คาดว่าจะเปิดตัวสินเชื่อทองคำ และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ เริ่มต้นจากฐานลูกค้าเดิมของมะหะทุนเช่าสินเชื่อที่มีกว่า 80,000 ราย
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์ม Digital Lending เพื่อนำมาใช้ขยายธุรกิจ พร้อมกับเจรจาขอสินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในประเทศในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ให้เอื้อต่อการเพิ่มกำไรขั้นต้นในอัตราที่สูงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในส่วนของพอร์ตสินเชื่อเดิม และพอร์ตสินเชื่อทองคำ รวมถึงนาโนไฟแนนซ์
สำหรับธุรกิจสกัดสารกัญชง กัญชา บริษัทฯ เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 100 เท่า โดยได้มีการสั่งซื้อเครื่องจักรแล้ว ซึ่งมีศักยภาพในการป้อนวัตถุดิบเดือนละ 30,000 กิโลกรัม กำหนดเดินเครื่องผลิตในช่วงไตรมาส 4 อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนในการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สินค้าของ อย. ซึ่งหากมีความชัดเจน บริษัทฯ ก็พร้อมเดินเครื่องผลิตได้ทันที
ขณะที่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ช่อดอกกัญชาเกรดพรีเมียม ซึ่งเป็นสายพันธุ์ต่างประเทศกว่า 25 สายพันธุ์ ภายใต้แบรนด์ CRAFT ORIGINAL วางจำหน่ายผ่านร้านค้าพันธมิตรตามจังหวัดต่างๆ ในทุกภาค ซึ่งเริ่มตั้งแต่ครึ่งเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายได้กว่า 16 ล้านบาท ทำให้คาดว่าจะเห็นการเติบโตอย่างน้อยไตรมาสละ 10%