1454 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. เซ็ปเป้ (SAPPE) ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ บริษัท จี.เค.เฮมพ์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ในการจะซื้อจะขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับพืชกัญชากัญชง เพื่อขยายตลาดสินค้ากัญชากัญชงของไทย โดยจะเริ่มทำตลาดในประเทศ แล้วขยายเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ
นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE บอกว่า ถือเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญของทั้ง 2 บริษัทฯ ที่จะผนึกกำลังเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจร่วมกัน เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ จึงได้แตกส่วนงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาตลาด
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น บริษัทฯ พร้อมเริ่มดำเนิ นการในส่วนของวัตถุดิบ เพื่อนำเสนอทางเลื อกในการเพิ่มมูลค่าสินค้าจากประโยชน์ของสารสกัดจากกัญชากัญชง ให้ตรงความต้องการของกลุ่มลูกค้า ภายใต้คุณภาพและมาตรฐานต่างๆ ที่กำหนดไว้ทั้งในไทยและในแต่ละประเทศ เพื่อเตรียมส่งออกสู่ตลาดโลกในอนาคต
"ด้วยจุดแข็งของ SAPPE ในการเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มนวัตกรรมชั้นนำเมืองไทย มีความเชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดและการขาย มีพันธมิตรและเครือข่ายที่แข็งแกร่ง คาดว่าจะสามารถนำวัตถุดิบและสารสกัดจากกัญชากัญชง ที่ถูกเพาะปลูกด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจาก GUNKUL มาจำหน่ายต่อให้กว้างขวางมากขึ้น เริ่มต้นที่ตลาดในประเทศก่อนแล้วค่อยต่อยอดไปสู่ต่างประเทศต่อไป” สาวแกร่งของ SAPPE ชี้แจง
ส่วนนางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เสริมว่า ความร่วมมือระหว่าง SAPPE และ GUNKUL ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน เพื่อตอบความต้องการใหม่ๆ ของผู้บริโภค โดยเฉพาะด้านการดูแลสุขภาพ ผ่านการคิดค้นพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่นำคุณประโยชน์ของกัญชง กัญชามาใช้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่มีโอกาสเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี และตอบโจทย์ความต้องการอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยนำสารสกัดจากกัญชงไปเป็นวัตถุดิบและสารตั้งต้น หรือใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ ช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการในห่วงโซ่การผลิต ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมอาหารไทยบนเวทีตลาดโลก นับเป็นโอกาสในการเพิ่มช่องทางขยายธุรกิจและสร้างฐานรายได้เพิ่มให้กับบริษัทฯ โดยการเติบโตจะเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับกลุ่มพันธมิตร
“บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ด้วยรูปแบบการปลูกที่เป็นระบบโรงเรือนที่มีมาตรฐานสูง และปลูกในระบบ Hydroponics ที่ใช้น้ำ Reverse Osmosis หรือ RO ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้มีคุณภาพและมาตรฐานสูงมากพอสำหรับนำไปทำสารสกัด รวมถึงใช้งานทางการแพทย์ จนได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง” สาวแกร่งของ GUNKUL ยืนยันหนักแน่น
ปัจจุบัน GUNKUL มีโรงสกัดสาร CBD 1 แห่ง ตั้งอยู่ที่คลอง 11 จังหวัดปทุมธานี เพื่อผลิตสินค้าในหมวดเครื่องสำอาง เครื่องดื่ม และยาสมุนไพร ด้วยกำลังการผลิตวันละ 200 กิโลกรัม (ดอกแห้ง) ส่วนพื้นที่เพาะปลูกกัญชงมีจำนวน 15 ไร่ บนพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ และมีโรงเรือนเพาะปลูกจำนวน 13 โรงเรือน ซึ่งจะขยายเพิ่มเป็น 35 โรงเรือน บนพื้นที่ 60 ไร่ ภายในสิ้นปีนี้
ที่สำคัญ ทั้ง 2 พันธมิตร พร้อมสนองแนวนโยบายภาครัฐ ที่ต้องการผลักดันกัญชา กัญชง ให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ