FTI ไม่สร้างความผิดหวังในฐานะหุ้นน้องใหม่ ให้ผลตอบแทนเกิน 50% ตอกย้ำศักยภาพการเป็นหุ้นไฮบริด ทั้ง Growth และ Dividend Stock

การเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ บมจ.ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (FTI) ไม่สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองแม้ภาวะตลาดหุ้นโดยรวมจะไม่เอื้ออำนวย 

โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 4 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 2.50 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 60% มีแรงซื้อหนุนราคาขึ้นไปได้อีกเล็กน้อย โดยแตะจุดสูงสุดที่ 4.50 บาท ก็โดนขายทำกำไรออกมาบ้าง กดราคาหุ้นให้ปรับลงเป็นลำดับ แต่ก็ยังยืนระยะได้บริเวณ 4.30 บาท อย่างไรก็ตาม การที่บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไม่เป็นใจในภาคบ่าย ทำให้มีแรงขายหุ้นกระจายตัวออกมาในภาคบ่าย กดราคาหุ้นให้อ่อนตัวลง แต่ก็ไม่หลุด 3.80 บาท และปิดตลาดไปที่ 3.84 บาท สูงกว่าราคาจอง 1.34 บาท ให้ผลตอบแทน 53.6%  

ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FTI เปิดเผยว่า ภายหลังการระดมทุนครั้งนี้ ทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพด้านฐานเงินทุนที่สูงขึ้น เอื้อต่อการเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้สามารถรองรับการเติบโตในอนาคตในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการให้กับลูกค้า การขยายกำลังการผลิตประกอบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือการขยายตลาดกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ  ลาว พม่า และกัมพูชา ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตทั้งด้านรายได้ และกำไร จากงานที่มีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 

ทั้งนี้ ทีมผู้บริหารและพนักงานพร้อมเดินหน้าทำงานด้วยความมุ่งมั่น เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และมั่นคง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น โดยเชื่อว่าหลังจากนี้ในอีก 1-3 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะมีความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินเพิ่มขึ้น สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมายของการเป็นผู้นำตลาดค้าส่ง (B2B) สินค้าเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำ (Water Treatment) 

ด้านนายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บมจ. หลักทรัพย์ ฟิลลิป ประเทศไทย (PLS) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บมจ. ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (FTI) เชื่อว่า การเปิดซื้อขายหุ้นวันแรกประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และน่าจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้น ตลอดจนถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของบริษัทฯ ที่จะนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ไปต่อยอดธุรกิจ ยกระดับบริษัทฯ ให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำอย่างครบวงจรทั้งในประเทศ สามารถผลักดันการเติบโตของรายได้เฉลี่ยปีละ 25-30 % มีคุณสมบัติครบเป็นหุ้นไฮบริด ทั้ง Growth Stock และ Dividend Stock ได้อย่างแน่นอน