988 จำนวนผู้เข้าชม |
โบรกเกอร์หลายสำนัก แนะนำ เก็บหุ้น บมจ.สยามโกลบอล เฮ้าส์ (GLOBAL) เข้าพอร์ต เพราะธุรกิจมีปัจจัยหนุนหลายประการ ในระยะยาวเห็นการเติบโตอย่างยั่งยืน จากการขยายสาขาเชิงรุกมากขึ้น ส่วนในระยะสั้น คาดแนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาสแรกจะทำได้ดี ไม่ว่าจะเทียบรายไตรมาส (QoQ) หรือรายปี (YoY) ส่วนหนึ่งจากปัจจัยฤดูกาล หนุนด้วยอัตราเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่สามารถรักษาได้ในระดับ 6-9% และการขยายฐานลูกค้าเพิ่มไปยังกลุ่มข้าราชการ และมนุษย์เงินเดือน รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ช่วยผลักดันให้กำไรสุทธิทั้งปีมีแนวโน้มขยายตัวทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ต่อเนื่อง
โดยฝ่ายวิจัย เมย์แบงก์ ประเทศไทย (MST) ระบุว่า GLOBAL น่าจะโชว์กำไรไตรมาสแรกทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง จากความต้องการซื้อวัสดุก่อสร้างที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงการปรับราคาสินค้าให้สะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น หนุนให้ SSSG เติบโตแข็งแกร่งราว 7% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะเพิ่มขึ้น 12% YoY เป็น 2.48 พันล้านบาท ตามยอดขายที่เติบโตได้ดี และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในลาวและเมียนมาร์ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ประเมินว่า กำไรสุทธิของ GLOBAL จะเพิ่มขึ้น 33% QoQ และ 2% YoY เป็น 987 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ GLOBAL จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 26.35 บาท
ส่วนฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ ฟิลลิป ประเทศไทย (PLS) ประเมินกำไรสุทธิไตรมาสแรกที่ 982 ล้านบาท เติบโต 1.7% YoY และ 31.5% QoQ เนื่องจากยอดขาย SSSG ที่ปรับเพิ่มขึ้น 7.8 % YoY และ 13.5% QoQ ตามช่วงฤดูกาลซื้อ และกำลังซื้อต่างจังหวัดขยายตัวได้ดีตามทิศทางราคาพืชผลทางการเกษตรที่ดีขึ้น บวกกับการเปิดสาขาใหม่ที่สมุยเพิ่ม 1 แห่ง ทำให้ไตรมาสแรกมีสาขาเพิ่มเป็น 76 แห่ง ขณะที่สามารถคุมค่าใช้จ่าย (SG&A) ได้ดีขึ้น และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่ วมเข้ามามากขึ้น ทั้งจากธุรกิจในพม่าและลาวที่ยังเติ บโตดี หนุนด้วยการเริ่มรับรู้กำไรจากธุรกิจในอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก
สำหรับช่วง 9 เดือนที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง ตามการขยายสาขาเพิ่มอีก 5 แห่ง เป็น 82 สาขา จาก 75 สาขาในสิ้้นปีก่อน ช่วยขับเคลื่อนกำไรสุทธิปีนี้ ทะยานทำสถิติสูงสุดใหม่ ที่ 3.57 พันล้านบาท เติบโต 6.9% YoY คิดเป็นราคาเหมาะสม 26 บาท และแนะนำ "ซื้อ"
ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัยพ์ เคทีบี (KTBST) บอกว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มกำไรไตรมาสแรก จากการเข้าสู่ high season ของธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากฝนไม่ค่อยตก ส่วน SSSG ยังเติบโตได้ 7-9% YoY ขณะที่กำไรขั้นต้นน่าจะบริหารได้ใกล้เคียง 25% เช่นเดียวกับการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ 14-15% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาเหล็กที่เริ่มปรับขึ้น และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากสัดส่วนยอดขายสินค้า private brand ยังทำได้ดีราว 23%
นอกจากนี้ การที่ผลดำเนินงานปีก่อน ทำสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้บริษัทพร้อมขยายสาขาเชิงรุกช่วง 2 ปีนี้ทั้งในและต่างประเทศเต็มตัวขึ้น จึงประเมินกำไรสุทธิทั้งปีที่ 3.49 พันล้านบาท ขยายตัว 4% YoY ขับเคลื่อนโดยรายได้ที่เติบโต 10% YoY จากการเปิดสาขาทั้งในและต่างประเทศเพิ่มอีกปีละ 7-8 สาขา และความสามารถควบคุมกำไรขั้นต้นได้ 24.5% ผ่านการปรับ product mix เน้นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand มากขึ้น เพื่อช่วยชดเชยราคาเหล็ กที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากปีก่อน จึงยังคงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้ราคาเหมาะสม 28.00 บาท อิง PER ที่ 37 เท่า (+1.5 SD above historical avg.)
ทั้งนี้ GLOBAL ปัจจุบันมี 76 สาขาในประเทศไทย และคาดว่าถึงสิ้นปีนี้ จะเพิ่มเป็น 82 สาขา ก่อนเพิ่มเป็น 89 สาขาในปีหน้า ประกอบกับมีการขยายสาขาในต่างประเทศ ช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว จากปัจจุบันที่มีสาขาในกัมพูชา 1 สาขา ลาว 7 สาขา เมียนมาร์ 8 สาขา และอินโดนีเซีย 9 สาขา โดยคาดว่าจะเปิดสาขาแรกในฟิลิปปินส์เพิ่มเติมภายในปีหน้า ขณะที่อัตรากำไรมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาวเช่นกัน จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง เช่น กลุ่มสินค้า DIY และสินค้า House brand อีกทั้งยังจะได้ผลบวกจากการประหยัดจากขนาด และการเจรจาต่อรองกับผู้ผลิตสินค้า หรือซัพพลายเออร์ได้ดียิ่งขึ้น จากการมีสาขาจำนวนมากขึ้น