MAGURO พร้อมเดินหน้าขยายสาขา ปั้นรายได้ 2 ปีนี้โต 30% ตอบแทนนักลงทุนที่ให้การตอบรับการซื้อขายวันแรกด้วยดี  

 

การเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ. มากุโระ กรุ๊ป (MAGURO) หนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและเกาหลี ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ให้มากกว่าที่ขอ" (Give More) ไม่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่ได้หุ้นจอง เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองตลอดวัน โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 23 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 15.90 บาท ถึง 7.10 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 44.65% มีแรงซื้อดันราคาขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวันที่ 23.30 บาท สูงกว่าราคาจอง 46.54% ถึงเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรกระจายตัวออกมาหนาแน่นขึ้น กดราคาหุ้นให้ค่อยๆ ปรับตัวลงมา แต่ราคาก็ไม่หลุด 20.50 บาท ก่อนมีแรงซื้อหนุนราคาดีดขึ้นมายืนเหนือ 22 บาท โดยปิดภาคเช้าบริเวณ 22.30 บาท เหนือจอง 40.25%

อย่างไรก็ตาม การที่บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไม่สดใส ทำให้เมื่อเปิดตลาดภาคบ่าย เริ่มเห็นแรงขายทำกำไรกระจายตัวออกมามากขึ้น สวนทางแรงขายที่หดหายลงไป กดราคาหุ้นให้ปรับฐานลงเป็นลำดับ กระทั่งแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 18.50 บาท ก่อนมีแรงซื้อปลายตลาดหนุนราคาให้ดีดขึ้นมาปิดที่ 19.40 บาท เหนือจอง 22.01% ด้วยปริมาณการซื้อขายที่คึกคักกว่า 2,809 ล้านบาท   

กระแสตอบรับที่ดีในการซื้อขายวันแรก ทำให้นางสาวจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี (J Capital) ที่ปรึกษาทางการเงิน และนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) แกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น ชี้ประเด็นว่า เกิดจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ สะท้อนผ่านการเข้ามาร่วมลงทุนของนักลงทุนสถาบัน 3 ราย ประกอบด้วย กองทุนส่วนบุคคล โดย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ (INVX) บมจ. ไทยประกันชีวิต (TLI) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Fund) รวมกันในสัดส่วน 4.45% ของหุ้นทั้งหมด ตอกย้ำความสามารถในการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว ทั้งจากแผนนำเงินระดมทุนไปใช้ขยายสาขา ปรับปรุงสาขาเก่า ปรับปรุงครัวกลาง ติดตั้งและปรับปรุงระบบ IT เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้น และจุดแข็งด้านแบรนด์ กับฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ดูได้จากการมียอดผู้ติดตามบน Social Media กว่า 5 แสนราย และมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นสมาชิก (Membership)กว่า 1.45 แสนราย ช่วยเป็นฐานสร้างรายได้ให้บริษัทฯ กว่า 54% รวมถึงเป็นฐานสำคัญสำหรับการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในอนาคต เพิ่มศักยภาพการเติบโตของผลดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในอนาคต

 

ขณะที่นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MAGURO กล่าวขอบคุณนักลงทุนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับให้คำมั่นว่า จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้อย่างคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งเพื่อปรับปรุงสาขาเดิม ขยายสาขาใหม่ การเพิ่มการให้บริการเดลิเวอรี่ รวมถึงเปิดตัวแบรนด์ใหม่ปีนี้ ไม่น้อยกว่า 11 สาขา ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตลอดจนนำไปใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งการพัฒนาระบบ IT การปรับปรุงครัวกลางทั้ง 3 แบรนด์ คือ MAGURO, SSAMTHING TOGETHER และ HITORI เพื่อส่งมอบคุณภาพสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐาน ภายใต้ปรัชญา Give More เพื่อขยายฐานลูกค้า ผลักดันผลดำเนินงานให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน  และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้น เฉพาะปีนี้และปีหน้า ตั้งเป้ารายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 30%