567 จำนวนผู้เข้าชม |
นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยวา (TWPC) ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง และผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นและเส้นก๋วยเตี๋ยว บอกว่า เพื่อตอบสนองกระแสโลก (Global Issue) ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้ขยะพลาสติก หรือช่วยลดปัญหาโลกร้อน บริษัทฯ มีแผนออกผลิตภัณฑ์ Bioplastic ภายใต้แบรนด์ ROSECO (ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง Rose+Eco ให้สอดรับกับ circular economy) ซึ่งเป็นการนำเอาแป้งมันสำปะหลังมาพัฒนาเป็นบรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียว และพลาสติกคลุมดินที่ย่อยสลายได้ภายใน 4-6 เดือน โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตเฟสแรกไว้ปีละ 3,000 ตัน ซึ่งคาดว่า การเป็นผู้บุกเบิก Bioplastic ที่ผลิตจากแป้งมันสำปะหลังรายแรกในประเทศไทย จะช่วยสร้างรายได้ 1,000 ล้านบาท ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า
สำหรับแนวโน้มธุรกิจปีนี้ของกลุ่มบริษัทฯ ประเมินว่า ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง เพราะความต้องการผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลังก็ยืนระดับสูง ตามความต้องการใช้แป้งมันสำปะหลังของตลาดชั้นนำอย่างประเทศจีน ส่วนปริมาณหัวมันสำปะหลังในฤดูการผลิตปี 2564/65 คาดว่าจะมีปริมาณ 33.0 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของมันสำปะหลัง
ขณะที่แนวโน้มการส่งออก คาดว่าปีนี้จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากตลาดหลักในจีนและไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ สหภาพยุโรป หรือเวียดนาม กัมพูชา และประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะช่วงก่อนการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด บริษัทฯ มีการลงทุนด้านการพัฒนาความสามารถของบุคคลากรในจีน เวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ส่งผลให้เป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความเป็นไปได้มากขึ้น
ซึ่งเมื่อนับรวมการรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ Bioplastic ทำให้เชื่อมั่นว่าผลดำเนินงานปีนี้น่าจะเติบโตได้สองหลัก (Double digit) ด้วยยอดขายแตะ 1 หมื่นล้านบาท หนุนให้กำไรมีโอกาสเติบโตจากปีก่อน ที่บริษัทฯ ทำกำไรสุทธิได้ 323 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285 ล้านบาทจากปีก่อนหน้า หรือขยายตัว 744%
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TWPC ยังพูดถึงการตั้งงบลงทุนปีนี้เพิ่มเติมด้วยว่า ตั้งไว้ 300-400 ล้านบาท เพื่อนำไปดูแลงานบำรุงรักษาประจำปี ราว 100-150 ล้านบาท ส่วนงานปรับปรุงการผลิตจำนวน 100 ล้านบาท ธุรกิจพลาสติกชีวภาพเฟส 2 จำนวน 70 ล้านบาท และลงทุนในบริษัทไทยวา เวนเจอร์ส ประมาณ 30-60 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ไล่ตั้งแต่การปลูก การผลิต ไปจนถึงการส่งมอบถึงมือผู้บริโภค ผ่านกลยุทธ์การบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน และพร้อมลงทุนเพิ่มในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น พลาสติกชีวภาพ อาหารเพื่อสุขภาพที่มีใยอาหาร และโปรตีนสูง หรือออการ์นิค รวมถึง Thai Wah Ventures ที่มุ่งเน้นลงทุนใน 4 ด้านหลัก ที่สอดคล้องกับธุรกิจปัจจุบัน เพื่อการเติบโตของธุรกิจและผลดำเนินงานในอนาคต