PTC ปิดเหนือจองสำเร็จ โดยให้ผลตอบแทนน้อยสุด 23% และสูงสุด 90%

การเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ บมจ. พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น (PTC) ไม่สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 110 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.50 บาท เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองตลอดวัน โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 6.75 บาท สูงกว่าราคาจอง 3.25 บาท ให้ผลตอบแทน 92.8% ก็มีแรงซื้อหนุนราคาหุ้นขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 6.85 บาท ก่อนเจอแรงขายทำกำไรกดราคาหุ้นให้อ่อนตัวลงเป็นลำดับ แต่ก็ยืนได้เหนือ 5.00 บาท ตลอด ก่อนเจอแรงขายโถมออกมาช่วง 15.45 น. กดราคาทรุดตัวลงเรื่อยๆ กระทั่งแตะจุดต่ำสุดที่ 4.32 บาท ก่อนมีแรงซื้อช่วงท้ายตลาดดันให้ราคาหุ้นไต่ขึ้นมาปิดที่ 4.42 บาท เกินจอง 92 สตางค์ หรือ 26.3% 

โอกาสนี้ นายวีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTC ยืนยันว่า จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปคืนหนี้ 120 ล้านบาท ที่เหลือ 248 ล้านบาท จะใช้ลงทุนสร้างจุดรับน้ำมันทางรถไฟที่คลังศรีสะเกษ ราว 110 ล้านบาท เพื่อเพิ่มช่องทางในการขนส่งน้ำมันให้กับลูกค้า นอกเหนือจากการให้บริการทางรถบรรทุกเพียงทางเดียว ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งน้ำมันให้กับลูกค้าได้ดีขึ้น และส่งต่อผลบวกคืนกลับมายังบริษัท ฯ ในระยะกลางถึงยาว เงินที่เหลือจัดเตรียมไว้สำหรับแผนลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าชุมชน โรงไฟฟ้าขยะ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งบริษัทฯ มีการศึกษาความเป็นไปได้ไว้ล่วงหน้าแล้ว รอเพียงแค่การประกาศจากหน่วยงานรัฐเท่านั้นถึงจะเห็นความชัดเจน

สำหรับแนวโน้มรายได้ปีนี้ คาดว่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา จากสองเหตุผล ประการแรก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่สดใสกว่าปีก่อน จะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้น หนุนให้รายได้ของบริษัทฯ ซึ่งมาจากการให้บริการรับ จ่ายน้ำมัน เพิ่มตามด้วย ถึงแม้ราคาน้ำมันจะมีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่น่าส่งผลกระทบแต่อย่างใด ประการที่สอง บริษัทฯ พร้อมขยายฐานลูกค้ารายใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานีบริการน้ำมัน ให้มาใช้บริการของ PTC

อย่างไรก็ตาม เมื่อสำรวจราคาพื้นฐานที่นักวิเคราะห์บางค่ายให้ไว้ จะพบว่า ราคาหุ้นปัจจุบันของ PTC สูงกว่าราคาที่มีการทำบทวิจัยเอาไว้ โดยมีกรอบราคาอยู่ที่ 4.00 – 4.28 บาท อิงวิธีประเมินโดยใช้ P/E ระดับ 14 เท่า