ประเดิมเปลี่ยนชื่อบริษัทวันแรก ALPHAX ประกาศแตกไลน์ธุรกิจเช่าซื้อใน สปป.ลาว เพื่อเติบโตก้าวกระโดด

ประเดิมวันแรกในการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บมจ.โอเชี่ยน คอมเมิรช (OCEAN) เป็น บมจ.อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) ทางผู้บริหารได้ประกาศแผนแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจไฟแนนซ์ ด้วยการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ลาว "บมจ.มะหะทุน เช่าสินเชื่อ (MHTH)" ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทันที โดยตั้งเป้าหมายว่า ธุรกิจใหม่อันนี้จะช่วยสนับสนุนให้ ALPHAX มีรายได้ และกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดด

นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ALPHAX เล่าให้ฟังว่า บริษัทฯ ได้เข้าไปซื้อหุ้นสามัญของ MHTH จำนวน 7.677 ล้านหุ้น (คิดเป็นสัดส่วน 76.78% ของทุนจดทะเบียนของ MHTH จากบริษัท บี ริช โฮลดิ้ง จำกัด ในราคาซื้อขายเฉลี่ยหุ้นละ 26.240964 บาท จากราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 201.46 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะชำระค่าหุ้นในแบบแลกหุ้น (Share Swap) แทนการใช้เงินสด ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) ให้กับ บีริช โฮลดิ้ง จำนวนไม่เกิน 108.9 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.85 บาท จากราคาพาร์หุ้นละ 25 สตางค์ (คิดเป็นสัดส่วน 1 หุ้น MHTH ต่อ 14.184305 หุ้นใหม่ของ ALPHAX  ซึ่งบริษัทฯ เห็นว่าราคาดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น เมื่อพิจารณาถึงมูลค่าของ MHTH และมูลค่าหุ้นปัจจุบันของบริษัทฯ)

อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ได้ ต้องขอมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 4 มีนาคมที่จะถึงนี้ ให้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 27.225 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 452.41 ล้านบาท เป็น 479.64 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวนไม่เกิน 108.9 ล้านหุ้น ให้กับ บีริช โฮลดิ้ง เพื่อชำระเป็นค่าหุ้น MHTH โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record Date) วันที่ 4 กุมภาพันธ์

และหลังจากการทำธุรกรรมเสร็จสิ้นลงไป MHTH จะกลายเป็นบริษัทย่อยของ ALPHAX เพราะบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 76.78% และน่าจะรับรู้รายได้ทันทีในปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท

การได้ธุรกิจใหม่เข้ามาเสริม ทำให้ CEO ALPHAX เชื่อมั่นว่า แนวโน้มผลดำเนินงานปีนี้ น่าจะเห็นรายได้เติบโต 200% เพราะบริษัทฯ จะมุ่งเน้นพัฒนาทั้ง 3 ธุรกิจ โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เตรียมเปิดตัวโครงการที่เน้นไปทางแนวราบ และโครงการอาคารสำนักงานเพื่อเช่า ทั้งหมด 4-5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท ควบคู่ไปกับการมองหาที่ดินที่จะนำมาพัฒนา (Landbank) ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้จริงๆ

ขณะที่ ธุรกิจกัญชง-กัญชา คาดว่าจะได้ใบอนุญาตการสกัดภายในไตรมาสแรก และจะเร่งเปิดตัวลูกค้าที่เป็นพันธมิตร เพื่อเร่งวิจัยและพัฒนาสารสกัดให้พร้อมสำหรับเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่เป็น Production scale ซึ่งจะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วนธุรกิจไฟแนนซ์ที่ สปป.ลาว วางเป้าหมายเบื้องต้นไว้ว่าจะเข้าไปทำการตลาดให้มากขึ้น รวมทั้งขยายผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น นาโนไฟแนนซ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่มเติม

สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ในเบื้องต้น ฝ่ายวิจัย เมย์แบงก์ ประเทศไทย (MST) ระบุว่า ALPHAX เป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองในปีนี้ เพราะมี story เรื่องการ Turnaround หลังการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ และผู้บริหารชุดใหม่ นำมาซึ่งการเปลี่ยนธุรกิจ ด้วยการออกจากธุรกิจที่เติบโตน้อย (อสังหาริมทรัพย์) สู่การเป็น Holding company ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายทั้งแนวราบ และคอนโดมีเนียมใจกลางเมือง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในปัจจุบัน สร้างกำไรปีหนึ่งๆ 60-80 ล้านบาท และยังมีแผนพัฒนาโครงการสำนักงานให้เช่า ใน 2-3 ปีข้างหน้า เป็นสินทรัพย์ที่ผลิตกระแสเงินสดในระยะยาว (Cash cow)

ส่วนธุรกิจกัญชง เป็นธุรกิจที่จะสร้าง New S-Curve ให้กับบริษัทฯ โดยร่วมมือกับ JP (ผู้ผลิต เพื่อผลิตสารสกัดกัญชง (CBD) ทั้งรูปแบบ Full spectrum & Isolate ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจำหน่ายให้ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มหลายราย ทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันเครื่องจักรตัวแรกได้ติดตั้งแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างขอใบอนุญาต จาก อย. หากเป็นไปตามแผน จะสามารถสร้างรายได้ตั้งแต่ไตรมาสแรก

จากการประเมินภาพรวมธุรกิจ 3 ปีนี้ (2565-67) คาดโตเฉลี่ย 154.4% ต่อปี ดังนั้น ทำให้เมื่อประเมินมูลค่าเหมาะสมปีนี้ที่ 2.89  บาท (รวม Dilution จาก ALPHAX-W3 ที่จะหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้) โดยใช้วิธี SOTP จากแต่ละธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 0.23 บาท อิง P/E 7 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และธุรกิจสกัดกัญชง 2.65 บาท ประเมินจาก P/E 30 เท่า เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของกำไรที่คาดสูงมากใน 3 ปีนี้ หากธุรกิจกัญชงเดินได้ตามแผน