344 จำนวนผู้เข้าชม |
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) เปิดเผยว่า ตามที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้ 3 บริษัทย่อย ได้แก่
1. บมจ.อีเทอร์นิตี้ พาวเวอร์ (ETP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 81.4% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว
2. บริษัท ตะวันออกการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (EPPCO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว
3. บริษัท อีพี กรุ๊ป (ฮ่องกง) (EP-HK) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมที่ถือหุ้นโดยบริษัทย่อย ETP ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว
ดำเนินการขายหุ้นทั้งหมดของ บริษัท อีสเทอร์น โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (E-COGEN) ที่ถืออยู่รวม 10 ล้านหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท) หรือคิดเป็นสัดส่วน 100% ให้แก่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี จำกัด (UVBGP) คิดเป็นมูลค่ารวม 11,334.09 ล้านบาท แบ่งเป็นการชำระเงินกู้ยืมของ E-COGEN ให้แก่ ETP จำนวน 6,419.45 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการชำระค่าหุ้นสามัญของ E-COGEN มูลค่า 4,914.64 ล้านบาท หรือคิดเป็นหุ้นละ 491.46 บาท
ทั้งนี้ E-COGEN เป็นบริษัทย่อยทางอ้อมที่ถือหุ้นโดยบริษัทฯ ในสัดส่วน 81.4% มีการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) จำนวน 2 แห่ง คือ บริษัท พีพีทีซี จำกัด (PPTC) ในสัดส่วน 74.5% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว และบริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) ในสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว
ซึ่งการขายหุ้นโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ผ่าน E-COGEN ครั้งนี้ คาดว่า กระบวนการในการโอนหุ้นและรับชำระค่าหุ้นจะสามารถดำเนินการได้เสร็จภายในเดือนธันวาคมปีนี้แน่ ทำให้ EP จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการขายหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น มีผลในงบการเงินไตรมาส 4 นี้ทันที ซึ่งจะทำให้ผลดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายปีนี้ขยายตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ประธานกรรมการบริหาร EP ยังบอกด้วยว่า จะนำเงินที่ได้ไปใช้ขยายการลงทุนต่อไป โดยในระยะสั้น มีแผนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลม กำลังการผลิต 157.8 เมกะวัตต์ (MW) ทยอยจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคมปีหน้า แบ่งเป็น 82.5 MW, 45.3 MW และ 30 MW รวมถึงมีแผนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในเวียดนาม ขนาดกำลังผลิต 1,500 MW ร่วมกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า