337 จำนวนผู้เข้าชม |
ฝ่ายวิจัย บล.เคทีบี ประเทศไทย (KTBST) เปิดเผยว่า เมื่อศึกษาข้อมูลทางสถิติ 10 ปีย้อนหลัง พบว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ มักปรับขึ้น 6 ใน 10 ครั้ง หลังการประชุมครั้งสุดท้ายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้นบ่อยครั้งที่สุดช่วงกลางเดือนธันวาคม ถึงวันสุดท้ายของปี คือ กลุ่มการเงินและขนส่ง
ซึ่งเมื่อคัดเลือกหุ้นจาก 2 กลุ่มนี้ ฝ่ายวิจัยยก AOT และ SAWAD เป็นหุ้น Top Pick โดย SAWAD มี story หนุนจากการเร่งปล่อยสินเชื่อ โดยในไตรมาสแรกปีหน้า พร้อมเริ่มธุรกิจปล่อยสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่
ส่วน AOT มี story หนุนจากการที่วัคซีนสูตรใหม่เริ่มผลิตเป็นจำนวนมากตั้งแต่ต้นปีหน้า ช่วยผลักดันให้การเดินทางระหว่างประเทศเติบโต หนุนให้ธุรกิจเริ่มกลับมามีกำไรสดใสขึ้น ก่อนจะเติบโตก้าวกระโดด (Turn around) ในปี 2566
สำหรับผลการประชุมที่มีบทสรุปว่า FED พร้อมเร่งลด QE จากเดือนละ 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 3.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และอาจปรับดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาด ถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และสินค้าโภคภัณฑ์ ให้ฟื้นตัวตาม ฝ่ายวิจัยเลือก KTB และ IVL เป็นหุ้น Top Pick
ซึ่ง IVL มีประเด็นลงทุนจากการที่ส่วนต่างราคา (Spread) ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวขึ้นนับตั้งแต่เดือนพฤศิจกายนเรื่อยมา ขณะที่ความต้องการผลิตภัณฑ์ฟื้นตามเศรษฐกิจโลก
สำหรับ KTB นอกจากธุรกิจจะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว ยังมีประเด็นหนุนจากการ Transform องค์กร สู่ Digital หลังตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) พัฒนาระบบ IT เพื่อเริ่มใช้ Big Data