CHAYO พร้อมปันผลปีก่อนทั้งเงินสด หุ้นปันผล แถมวอร์แรนท์ ก่อนเปิดเกมรุกทุกธุรกิจ ดันผลงานปี 2568 โตเกิน 20%

นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) เปิดเผยแผนธุรกิจปี 2568 พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตจากทุกธุรกิจ ทั้งธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ในสัดส่วนสูงถึง 90% และธุรกิจรอง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจปล่อยสินเชื่อ ผ่านบริษัทย่อย ชโย แคปปิตอล (CCAP) ธุรกิจบริการจัดหาคน หรือธุรกิจบริการเร่งรัดหนี้สิน เพื่อผลักดันรายได้และกำไรให้เติบโตจากปี 2567 ไม่ต่ำกว่า 20%

โดยธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างน้อย 20% รับอานิสงค์จากการตั้งสำรองในปีก่อนเป็นจำนวนมาก และการรักษามาตรฐานในการจัดเก็บหนี้ให้ดีต่อเนื่องจากปีก่อน ส่วนการขยายพอร์ตหนี้ มีแผนซื้อหนี้เสียเพิ่มอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท จากเงินลงทุนราว 500-1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้พอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มเป็นกว่า 1.1 แสนล้านบาท จากที่มีล่าสุด 1.04 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นหนี้แบบมีหลักประกัน 1.84 หมื่นล้านบาท และหนี้แบบไม่มีหลักประกัน 8.58 หมื่นล้านบาท ไม่คิดรวมทรัพย์สินรอการขาย (NPA) จำนวน 664 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาสแรก ได้มีการซื้อหนี้เพิ่มแล้ว 700 ล้านบาท ก่อนจะซื้อล๊อตใหญ่ในครึ่งปีหลัง

สำหรับเกณฑ์ในการซื้อหนี้ใหม่ ยังคงให้ความสำคัญกับราคาที่สมเหตุสมผลเป็นหลัก เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ไม่ให้มีภาระทางการเงินเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลดีต่อการติดตามหนี้ และการควบคุมคุณภาพหนี้ของบริษัทฯ และช่วยให้ลูกหนี้สามารถหลุดพ้นจากการเป็นผู้เสียประวัติทางเครดิตได้เร็วขึ้น เพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ในอนาคตอันใกล้

ส่วนธุรกิจปล่อยสินเชื่อ ยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพหนี้ พร้อมขยายสินเชื่อใหม่อย่างระมัดระวัง โดยใช้ประโยชน์จากการพัฒนาแพลตฟอร์มในการปล่อยสินเชื่อ ผ่านบริษัทร่วมทุน เงินไมตรี ที่บริษัทถือหุ้น 49% เพิ่มการเข้าถึงลูกค้า โดยตั้งเป้าการเติบโตจากปีก่อนเพียง 10% ขณะที่ธุรกิจบริการบริการเร่งรัดหนี้สิน ได้รับงานจากธนาคารพาณิชย์ใหญ่ 4 แห่ง ช่วยสนับสนุนให้รายได้เติบโตจากปีก่อน 20% เช่นเดียวกับธุรกิจบริการจัดหาคน ที่สามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้รายได้น่าจะเติบโตได้ราว 20%  

นอกจากนี้ บริษัทฯ พร้อมทบทวนความเป็นไปได้ในการนำบริษัทย่อย ชโย แคปปิตอล (CCAP) เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในปี 2569 อีกครั้ง 

ขณะเดียวกัน นายกิตติ ตั้งศรีวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHAYO ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับผลดำเนินงานปี 2567 ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 241.15 ล้านบาท ลดลง 38.34% จากปี 2566 ว่า ถูกกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น อีกทั้งมีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตเพิ่มขึ้น ทั้งจากพอร์ตหนี้ไม่มีหลักประกันที่ซื้อเข้าเพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตของหนี้มีหลักประกันที่ครบกำหนด 5 ปี ทั้งที่บริษัทฯ สามารถขยายฐานรายได้ให้เติบโต 32.71% จากปีก่อน เป็น 2,026.58 ล้านบาท ทั้งจากธุรกิจบริหารหนี้ ที่สามารถจัดเก็บหนี้ได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการเติบโตของพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพ และความสำเร็จในการมอบหมายพนักงานให้ติดตามทวงถามหนี้ในกลุ่มบริษัทฯ มากขึ้น แลกเปลี่ยนกับการยอมลดรายได้จากการติดตามทวงถามหนี้ให้กับลูกค้าภายนอก หนุนให้รายได้จากดอกเบี้ยเติบโต 33.37% มาที่ 1,825.66 ล้านบาท เช่นเดียวกับธุรกิจปล่อยสินเชื่อ ที่สามารถขยายสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เกิดขึ้นช่วงปลายปีก่อนหน้า หนุนให้รายได้จากดอกเบี้ยขยายตัว 38.20% เป็น 147.81 ล้านบาท และธุรกิจบริการจัดหาคน ที่ได้รับการว่าจ้างจากลูกค้าเพิ่มขึ้น สร้างรายได้เพิ่มขึ้น 37.60% เป็น 24.15 ล้านบาท

และเพื่อตอบแทนความไว้วางที่ผู้ถือหุ้นมีต่อบริษัทฯ มาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ภาวะตลาดหุ้นจะไม่เป็นใจ บริษัทฯ พร้อมจ่ายปันผลสำหรับผลดำเนินงานทั้งปีในอัตรารวม 0.0138889 บาท แบ่งเป็นการจ่ายเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.00139 บาท และหุ้นปันผลในอัตรา 40 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล เทียบเท่าเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.0125 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 2 พฤษภาคม และวันที่ได้รับทั้งเงินปันผล และหุ้นปันผล 23 พฤษภาคมที่จะถึงนี้

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เตรียมจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิชุดใหม่ CHAYO-W4 ให้กับผู้ถือหุ้นโดยไม่คิดมูลค่า จำนวนไม่เกิน 139 ล้านหน่วย จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตราส่วน 9 หุ้นเดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ กำหนดออกใบสำคัญแสดงสิทธิให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 15 พฤษภาคม โดยมีราคาใช้สิทธิที่ 2.50 บาท และมีกำหนดใช้สิทธิในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งจะต้องขออมนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 23 เมษายนนี้อีกครั้ง