NKT หุ้นน้องใหม่ตัวสุดท้ายของปี 2567 พลิกต่ำจอง ผู้บริหารมองเป็นจังหวะซื้อลงทุนรอความสำเร็จแผนลงทุน 3 โครงการใหญ่   

การเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ. โรงพยาบาลนครธน (NKT) ทำให้นักลงทุนที่ได้หุ้นจองผิดหวังไปตามๆ กัน เมื่อราคาเปิดต่ำกว่าราคาจองที่ 7.80 บาท ถึง 1.85 บาท คิดเป็นผลขาดทุน 23.72% ทำเอานักลงทุนหลายรายตกใจ ยอมตัดใจขายขาดทุน ส่งผลให้ในช่วงไม่กี่นาทีหลังจากตลาดเปิด ราคาหุ้นอ่อนตัวแตะจุดต่ำสุดที่ 5.60 บาท หลังจากนั้น ถึงเริ่มเห็นแรงซื้อหนุนเข้ามา ดันราคาหุ้นให้ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปยืนได้เหนือ 6 บาทตลอดทั้งวัน โดยราคาหุ้นแกว่งในกรอบ 6.05 – 6.75 บาท ตามแรงซื้อและแรงขายที่เกิดในแต่ละช่วงเวลา และเริ่มยืนระยะได้เหนือ 6.25 บาท จนใกล้ปิดตลาด ก่อนจะโดนกดราคาปิดลงมาที่ 6.10 บาท คิดเป็นผลขาดทุน 21.79% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 574.90 ล้านบาท

ซึ่งทางผู้บริหาร NKT ชี้แจงว่า การที่ราคาหุ้นในการซื้อขายวันแรกต่ำจอง เกิดจากภาวะตลาดที่ไม่เป็นใจ เพราะช่วงที่บริษัทฯ ตั้งราคา IPO ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ยืนเหนือ 1,400 จุด แต่ก่อนหน้าการซื้อขายวันแรกเพียงวันเดียว ดัชนีกลับปรับฐานลงมาบริเวณ 1,370 จุด ยิ่งราคาเปิดต่ำกว่า 6 บาท ยิ่งส่งผลให้นักลงทุนหลายคนเกิดความไม่มั่นใจ ทำให้มีแรงขายออกมาค่อนข้างมาก แต่ยืนยันได้ว่า บริษัทฯ ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี อีกทั้งการเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ยังเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ ทั้งแผนขยายฐานลูกค้าต่างชาติ ในเมียนมา กัมพูชา และบังกลาเทศ รวมถึงแผนขยายฐานได้จากการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุน 3 โครงการใหญ่ ซึ่งจะเริ่มเห็นผลทันที ตั้งแต่ปี 2568 ก่อนจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในปี 2570-71 พร้อมสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ดังนั้น จึงมองว่า การอ่อนตัวของราคาหุ้นน่าจะเป็นจังหวะการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน

ทั้งนี้ แผนลงทุนของ NKT มี 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลนครธน 2 บนถนนเอกชัย จำนวน 151 เตียง ภายใต้งบลงทุน 900 ล้านบาท น่าจะเริ่มให้บริการเฟสแรกในปี 2568 สำหรับกลุ่มลูกค้าเงินสด หลังจากนั้น บริษัทฯ จะยื่นขออนุญาตโรงพยาบาลนครธน 2 เป็นโรงพยาบาลประกันสังคม ช่วงต้นปี 2569 คาดว่าจะเปิดให้บริการรักษาพยาบาลแก่ผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมเขต 7 ซึ่งมีจำนวนผู้ประกันตนสูงเป็นอันดับ 5 ของกรุงเทพฯ ได้ในปี 2570 

ส่วนโครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ เพื่อเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม ขนาด 85 เตียง ภายใต้งบลงทุนราว 557 ล้านบาท น่าจะเปิดดำเนินการได้ประมาณปี 2569 ขณะที่โครงการขยายจำนวนเตียงของโรงพยาบาลนครธน เพิ่มอีก 110 เตียง เป็น 260 เตียง ภายโต้งบลงทุน 414 ล้านบาท กำหนดทยอยเปิดบริการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ก่อนเต็มรูปแบบในปี 2570

คำยืนยันของผู้บริหาร NKT ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง ส่งผลให้ราคาหุ้นช่วงโค้งสุดท้ายของปี สามารถไต่ขึ้นไปยืนเหนือ 6.50 บาท ได้ตลอด ก่อนปิดที่ 6.85 บาท ในทำการวันสุดท้ายของปี มิหนำซ้ำ ราคาหุ้นยังดีดตัวขึ้นไปทำสถิติสูงสุดได้ที่ 7.50 บาท ต่ำกว่าราคาจองเพียง 30 สตางค์