5002 จำนวนผู้เข้าชม |
นางนิสาภรณ์ ฤกษ์อร่าม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. แกรนด์ คอส กรุ๊ป (MER) ผู้สร้างสรรค์ พัฒนา และสรรหาสินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และผลิตภัณฑ์นวัตกรรมความงามครบวงจร ภายใต้แบรนด์ เมอร์เรซกา (MERREZCA) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 66 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 28.21% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ในเร็วๆ นี้
สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้ยืม รวมถึงใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคต เช่น การเข้าซื้อกิจการ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ด้านนายเกริกไกรวัล แสงประดิษฐ์ ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MER เปิดเผยว่า จากกระแสความโด่งดังของเครื่องสำอางเกาหลีที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก แต่ติดปัญหาในเรื่องของเฉดสี และเนื้อผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะกับสีผิวของคนไทย รวมถึงสภาพอากาศของไทย ซึ่งถือเป็น Pain Points ที่สำคัญสำหรับผู้บริโภค ทำให้ตนเองและนายชานนท์ นุชถนอม ที่มีประสบการณ์ในวงการเครื่องสำอางมายาวนาน เล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจ จึงร่วมกันก่อตั้งบริษัทฯ ขึ้นมา เพื่อคิดค้น พัฒนา และส่งมอบเครื่องสำอางที่มีคุณภาพระดับสากล และสามารถตอบโจทย์เรื่องสภาพอากาศ และสีผิวของคนไทยได้อย่างแท้จริง จึงเกิดเป็นแบรนด์ MERREZCA ที่มาจากแรงบันดาลใจของคำว่า เมล็ดกล้า จนประสบความสำเร็จในการทำตลาดในประเทศ โดยแบรนด์ MERREZCA ติด 1 ใน 4 แบรนด์เครื่องสำอางในใจผู้บริโภค จากงานวิจัยของ Kantar Worldpanel ในปีก่อน นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ MERREZCA ยังได้รับรางวัลจากการจัดอันดับของสถาบันเครื่องสำอางและนิตยสารต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ MERREZCA แบ่งได้เป็น 5 กลุ่ม กลุ่มแรก ผลิตภัณฑ์ใบหน้า (Face) เช่น เมคอัพเบส ครีมรองพื้น ครีมกันแดด คอนซีลเลอร์ (Concealer) และแป้งทาหน้า กลุ่มที่สอง ผลิตภัณฑ์ริมฝีปาก (Lip) เช่น ลิปสติก ลิปทินท์ ลิปบาล์ม กลุ่มที่สาม ผลิตภัณฑ์ดวงตา (Eyes) เช่น อายแชโดว์ มาสคาร่า อายไลน์เนอร์ และดินสอเขียนคิ้ว กลุ่มที่สี่ ผลิตภัณฑ์แก้ม (Cheek) เช่น บลัชออน ไฮไลท์ และกลุ่มสุดท้าย ผลิตภัณฑ์ Premium เพื่อส่งเสริมการขาย เช่น ชุดแปรงแต่งหน้า กระจกแต่งหน้า กระเป๋าเครื่องสำอางขนาดพกพา กระเป๋าถือสำหรับใส่เครื่องสำอาง กระเป๋าผ้าสะพายข้าง หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น น้ำหอม โลชั่นบำรุงผิว ซึ่งทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ สามารถวางจำหน่ายได้ครอบคลุมทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) การเปิดร้านตัวเอง MERREZ’CA ตามห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์การค้าต่างๆ เช่น เซ็นทรัล โรบินสัน เดอะมอลล์ หรือการขายผ่านช่องทางออนไลน์
ขณะที่ผลดำเนินงาน 3 ปีล่าสุด (ปี 2564-66) บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างก้าวกระโดดมาตลอด จากที่ขาดทุนสุทธิ 5.97 ล้านบาท ในปี 2564 พลิกมาเป็นกำไรสุทธิ 22.45 ล้านบาท และ 56.07 ล้านบาท ในปี 2565 และ 2566 ตามลำดับ สาเหตุจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จาก 365.11 ล้านบาท เป็น 584.14 ล้านบาท และ 783.75 ล้านบาท ตามลำดับ โดยการเติบโตของยอดขายจะมาช่องทางการค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) มากที่สุด โดยเฉพาะ 7-11 อีกทั้งบริษัทฯ มีการควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการบริหาร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้อัตรากำไรสุทธิขยายตัวมาโดยตลอด จาก 3.93% ในปี 2565 เพิ่มเป็น 7.30% ในปีที่ผ่านมา
ส่วนผลดำเนินงานงวดครึ่งแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการขาย 544.99 ล้านบาท เติบโต 65.79% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรเติบโตก้าวกระโดดจากช่วงเดียวกันปีก่อน 164.40% มาอยู่ที่ 50.50 ล้านบาท ตามอัตรากำไรสุทธิที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขึ้นมาเป็น 9.25%
ที่สำคัญ การเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดทุนครั้งนี้ จะช่วยเติมเต็มเป้าหมายการเป็นบริษัทด้านความงามที่เป็นเลิศในอุตสาหกรรมด้านความสวยความงาม ที่พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพในราคาเหมาะสมสู่ผู้บริโภคคนไทย ภายใต้การให้บริการที่เป็นเลิศได้อย่างตรงจุด พร้อมกับขับเคลื่อนให้บริษัทฯ มีผลดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง และมีการยกระดับองค์กรให้มีความยั่งยืน ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สามารถดูแลผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างมีความรับผิดชอบ และมีธรรมาภิบาล