1248 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดเผยผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีนี้ มีรายได้จากธุรกิจจำหน่ายน้ำและไฟฟ้ารวม 769.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) อย่างไรก็ตาม กำไรปกติกลับลดลง 42% YoY เหลือ 275 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติ และเงินปันผลรับจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า ลดลงถึง 45.4% โดยเฉพาะการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า เก็คโค่-วัน ที่ลดลงจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่อยู่ในระดับสูง จากการกลับมาเดินเครื่องตามคำสั่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และหากคิดรวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จะมีกำไรสุทธิ 81 ล้านบาท ลดลงมากถึง 84% YoY ส่งผลให้ผลดำเนินงานงวด 9 เดือน มีกำไรปกติลดลง 14.8% YoY เหลือ 956.6 ล้านบาท และหากคิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรสุทธิจะลดลง 29.3% มาอยู่ที่ 883.4 ล้านบาท จากแรงกดดันของส่วนแบ่งกำไรปกติจากโรงไฟฟ้า เก็คโค่-วัน ที่ลดลงจากการบันทึกต้นทุนที่ผลิตไฟฟ้าที่สูง กระนั้น รายได้จากธุรกิจจำหน่ายน้ำและไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในธุรกิจน้ำที่เวียดนามยังคงแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยภาพรวมธุรกิจน้ำงวดไตรมาส 3 มีปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำทั้งในและต่างประเทศรวมกัน 42 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้ภาพรวมงวด 9 เดือนของปี มีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งหมด 126 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโต 8% YoY โดยรายได้จากการจำหน่ายน้ำในประเทศเติบโตในทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added product) ซึ่งเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้น้ำของลูกค้าใหม่ที่ได้เปิดดำเนินการณ์เชิงพาณิชย์ช่วงก่อนหน้า ส่วนรายได้ที่เวียดนาม ได้แรงหนุนจากการขยายพื้นที่การให้บริการของโครงการ Doung River ส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Doung River จำนวน 72 ล้านบาท ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีผลขาดทุน 2 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) งวด 9 เดือนปีนี้ บริษัทฯ รับรู้รายได้จากสัญญา Private PPA เพิ่มขึ้น 16% เป็น 296 ล้านบาท หนุนจากการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ จำนวน 24 สัญญา เป็น 269 MW และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าทุกประเภทราว 944 MW แบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว 697 MW และอยู่ในระหว่างการพัฒนาจำนวน 247 MW เสริมด้วยการเริ่มต้นเปิดให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติม 38 ตู้ชาร์จ แต่ถูกบั่นทอนจากส่วนแบ่งกำไรปกติจากโรงไฟฟ้า เก็คโค่-วัน ที่ลดลงจากการบันทึกต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ยังอยู่ในระดับสูง และการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้ได้รับค่า energy payment ลดลง ฉุดให้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าลดลง 22% เหลือ 685 ล้านบาท ถึงแม้จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP เพิ่มขึ้น อานิสงค์จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้อัตรากำไรในธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลดำเนินงานงวด 9 เดือน ในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 21 พฤศจิกายนนี้ ก่อนจ่ายเงินปันผลตามมา ในวันที่ 4 ธันวาคม
ขณะเดียวกัน นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHAUP ได้ออกมาชี้แจงแนวโน้มธุรกิจจำหน่ายน้ำและไฟฟ้า ช่วงโค้งสุดท้ายของปีเพิ่มเติมว่า คาดจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขานรับปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งเพิ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา เช่น โครงการซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) กับ บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ปีละ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตร ประกอบกับได้รับอานิสงค์จากการลงทุนของกลุ่มลูกค้าใหม่ในนิคมอุตสาหกรรม WHA เช่น กลุ่มดาต้าเซนเตอร์ขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะมีปริมาณความต้องการใช้น้ำและไฟฟ้าเป็นจำนวนมากในอนาคต โดยเฉพาะพลังงานสะอาด สอดคล้องกับแผนธุรกิจของบริษัทฯ ที่จะเดินหน้าต่อยอดการลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานสะอาดผ่านการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นใหม่ๆ